วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “วันวาเลนไทน์” สำหรับคล้ายคนแล้วก็คงจะเป็นวันแห่งความรักอันหอมหวาน ที่เต็มไปด้วยกุหลาบ หัวใจ และช็อกโกแลต ถึงอย่างนั้นก็ตามในความเป็นจริงแล้ว วันแห่งความรักวันนี้ กลับไม่ได้เต็มไปด้วยเรื่องดีๆ เพียงอย่างเดียวอย่างคิด
เพราะเช่นเดียวกับรสชาติของช็อกโกแลตที่แอบมีรสขม หรือดอกกุหลาบที่แอบซ่อนหนามไว้ในความงาม วันวาเลนไทน์เอง แท้จริงแล้วก็แอบซ่อนประวัติศาสตร์ และความจริงที่ “ไม่ได้โรแมนติกเท่าไหร่” เอาไว้หลายอย่างเลยเช่นกัน เหมือนอย่างความจริงของวันวาเลนไทน์ทั้ง 5 ข้อต่อไปนี้
1. ชื่อของวันวาเลนไทน์
วันวาเลนไทน์ได้ชื่อมาจากนักบุญวาเลนตินุส (หรือที่รู้จักกันในนามนักบุญวาเลนไทน์) โดยนักบุญคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นบาทหลวงผู้สนับสนุนความรัก จนถึงขั้นที่นักโบราณคดีเชื่อว่าเขาแอบจัดงานแต่งงานให้คู่รักชายหญิงที่มีฝ่ายชายเป็นทหาร (ซึ่งในสมัยนั้นถูกสั่งห้ามแต่งงาน) เลย
การกระทำของเขา รู้ถึงหูของจักรพรรดิโรมันคลอเดียที่ 2 เข้าพอดี ดังนั้นนักบุญวาเลนตินุสจึงถูกประหารด้วยการตัดศีรษะไปในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในช่วงปีค.ศ. 270 นั่นเอง
2. ก่อนจะมาเป็นวันวาเลนไทน์
วันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้นไม่ได้เพิ่งกลายเป็นวันพิเศษหลังจากที่นักบุญวาเลนตินุสถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่เดิมทีมันก็เป็นวันสำคัญของทางโรมันอยู่แล้ว โดยในอดีตชาวโรมันเชื่อว่าช่วงวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์มีความเกี่ยวข้องกับ ภาวะเจริญพันธุ์ ความเจริญงอกงามของพืช และโลหิต
ดังนั้นในช่วงเวลานี้นี้ชาวโรมันจึงมักจะสังหารสัตว์อย่างสุนัขหรือแพะเพื่อบูชายัญ ก่อนที่จะนำหนังสัตว์มาเฆี่ยนหญิงสาวเปลือย ภายใต้ความเชื่อที่ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ผู้หญิงตั้งท้องได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
3. วันวาเลนไทน์ในสมัยใหม่ ล้วนแต่เต็มไปด้วยเรื่องนองเลือด
เหตุการณ์นองเลือดที่โด่งดังในวันวาเลนไทน์ประกอบด้วย
– การสังหารหมู่วันวาเลนไทน์เมื่อปี 1929
– คดีฆาตกรรมที่ยังไขไม่ได้ของ คู่รักหนุ่มสาว Jesse McBane และ Patricia Mann ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1971
– คดีฆาตกรรมที่ยังไขไม่ได้ของ คู่รักหนุ่มสาว Nicholas Kunselman และ Stephanie Hart ในปี 2000
– คดีฆาตกรรมนางแบบแอฟริกาใต้ Reeva Steenkamp โดยนักกีฬาชื่อ Oscar Pistorius เมื่อปี 2013
– การกราดยิงที่โรงเรียนมาร์จอรีสโตนแมนโดกลาส ในรัฐฟลอริดา เมื่อปี 2018
4. เบื้องหลังของช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์
การที่ช็อกโกแลตกลายเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์อย่างลึกซึ้งนั้น แม้จะไม่น่าเชื่อก็ตามแต่มันเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานเท่านั้น โดยหากเราลองย้อนรอยเรื่องราวเกี่ยวกับช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์ดูเราจะพบว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 1800 เท่านั้น
โดยช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อพี่น้อง Richard และ George แห่งตระกูล Cadbury ได้ตัดสินใจทำช็อกโกแลตเป็นรูปหัวใจออกมาลองวางขายในฐานะของขวัญวันวาเลนไทน์ดู และก็บังเอิญว่าบรรจุภัณฑ์ของพวกเขามันสวยมากๆ จนขายได้อย่างถล่มทลายเสียด้วย
ความงามนี้เองทำให้ผู้คนเริ่มเก็บบรรจุภัณฑ์ของช็อกโกแลตที่ได้มาเอาไว้ทำเรื่องอื่นๆ อย่างการเก็บจดหมายหรือเส้นผมของคนที่รักเอาไว้ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปกล่องช็อกโกแลตดังกล่าวจึงให้ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความรัก และช็อกโกแลตเองก็กลายเป็นของขวัญแห่งความรักไปด้วยในที่สุด
5. มูลค่าของความรัก
แค่สหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว โดยเฉลี่ยแล้วก็จะมีดอกกุหลาบถูกขายออกไปในวันวาเลนไทน์มากถึง 189 ล้านดอก โดย 73% ของผู้ซื้อจะเป็นผู้ชาย ในขณะที่อีก 27% เป็นผู้หญิง
นอกจากนี้ในวันวาเลนไทน์วันเดียว ในสหรัฐอเมริกาก็จะมีผู้ซื้อช็อกโกแลตรวมเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญ (ราวๆ 40,000 ล้านบาท) เลยด้วย
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น