CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

อังกฤษเดือด ติดแฮชแท็ก “ยกเลิกสถาบันกษัตริย์” หลัง “เมแกน” แฉคนในวังเหยียดสีผิว

กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังเป็นที่จับตามองของประเทศอังกฤษไปแล้ว เมื่อในช่วงค่ำวันที่ 8 มีนาคม 2021

กระแสแฮชแท็ก #AbolishTheMonarchy หรือ “ยกเลิกสถาบันกษัตริย์” ได้พุ่งขึ้นไปติดเทรนอันดับที่ 3 ของประเทศ สร้างความแปลกใจให้กับชาวต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

 

 

กระแสแฮชแท็กในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมแกน มาร์เกิล และเจ้าชายแฮร์รี่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการพิเศษของโอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรคนดัง ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ทางช่อง CBS ในสหรัฐอเมริกา

โดยภายในรายการพิเศษนี้เมแกนได้เปิดเผยเรื่องราวความลำบากในฐานะสมาชิกราชวงศ์อังกฤษหลายข้อ ซึ่งทำให้เธอถึงกับต้องมีปัญหาสุขภาพจิต ถึงขั้นเคยคิดสั้น

 

 

อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจกันมากที่สุดก็คงจะไม่พ้นมากที่เมื่อเธอตั้งครรภ์อาร์ชี ได้มีสมาชิกราชวงศ์องค์หนึ่ง ถึงกับเข้ามาพูดคุยด้วยความกังวลกับเธอในเรื่องสีผิวของเด็กที่ยังไม่เกิด

ในรูปแบบซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีทัศนคติการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ แถมยังชี้ว่าก่อนที่อาร์ชีจะลืมตาดูโลก แทบไม่มีการพูดถึงพระยศ หรือรักษาความปลอดภัยใดๆ แก่ตัวเด็กเลย

 

 

“ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือนี่มันเหมือนประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเลย” เจ้าชายแฮร์รี่ระบุโดยอ้างอิงถึงสิ่งที่เจ้าหญิงไดอานาต้องเผชิญ

“ผมนึกไม่ออกเลยว่าแม่ต้องรู้สึกอย่างไรในตอนที่ต้องผ่านเรื่องพวกนี้ด้วยตัวคนเดียว เพราะมันเป็นเรื่องแม้มันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเราสองคน.. แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีกันและกัน”

 

ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

 

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้แน่นอนว่าทำให้มีชาวอังกฤษหลายคนไม่น้อยที่รู้สึกไม่พอใจในทัศนคติและการกระทำของคนในวัง ถึงขนาดที่คนมีชื่อเสียงหลายคนออกมาร่วมติดแฮชแท็ก

ในขณะที่สมาชิกสภาบางคนก็ออกมาเรียกร้องให้ราชวังตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเลย

 

 

ที่สำคัญนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราชวังมีข่าวฉาวจนประชาชนเรียกร้อง ให้มีการยกเลิกสถาบันกษัตริย์แต่อย่างไร

เพราะในปี 2019 เองทางพระราชินีอลิซาเบธก็เคยเซ็นยอมรับคำขอให้ปิดสภาของรัฐบาล สร้างความไม่พอใจจนราชวังถูกขุดพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาแฉ เกิดเป็นแฮชแท็กในรูปแบบเดียวกันนี้มาแล้ว

 

ที่มา nypost และ thelondoneconomic


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น