CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

ย้อนรอย “เบ็น โซโลมอน” คุณหมอผู้สู้กับทหารข้าศึกนับร้อยคนเดียว ถ่วงเวลาช่วยชีวิตเพื่อน

เมื่อเราพูดถึงแพทย์ที่มีวีรกรรมสำคัญๆ ในสงคราม เชื่อว่าชื่อที่คนส่วนใหญ่นึกถึงก็คงจะไม่พ้น “เดสมอนด์ ดอสส์” บุรุษพยาบาลผู้เข้าร่วมสงครามโลกโดยไม่พกอาวุธจากความโด่งดังของภาพยนตร์ Hacksaw Ridge เป็นคนแรกๆ

อย่างไรก็ตามในช่วงสงครามครั้งเดียวกันนี้ เราก็ยังมีคุณหมออีกคนเช่นกันที่ทำวีรกรรมช่วยเหลือผู้คนให้รอดชีวิตเป็นจำนวนมากในสงคราม เพียงแต่เรื่องราวของเขาไม่เป็นที่รู้จักนักก็เท่านั้น

 

 

นี่คือเรื่องราวของทันตแพทย์จากสหรัฐอเมริกานามว่า “เบ็น เอล. โซโลมอน” (Ben L. Salomon) โดยเขาเป็นชาวยิวจากรัฐวิสคอนซิน ผู้ซึ่งแทนที่จะได้เป็นหมอฟันตามปกติ กลับต้องเข้าร่วมสงครามในฐานะทหาร

ต่างไปจากคุณหมอเดสมอนด์ คุณหมอโซโลมอนนั้นไม่ได้มีปัญหากับการจับปืนมากนัก เรียกได้ว่าเขาเชี่ยวชาญในการใช้ปืนเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ในช่วงปี 1942 เป็นต้นมาคุณหมอโซโลมอนก็ถูกย้ายไปอยู่หน่วยทันตแพทย์ของกองทัพเพื่อที่เขาจะได้ใช้ความสามารถที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์

 

 

เรื่องราววีรกรรมของคุณหมอโซโลมอนเริ่มต้นขึ้นราวๆ 2 ปี หลังจากนั้น เมื่อเขาได้อาสาทำหน้าที่ศัลยแพทย์จำเป็นที่แนวหน้าในเกาะไซปัน แนวรบฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก แทนหมอคนเก่าที่ได้รับบาดเจ็บ

โดยในช่วงเดือนกรกฎาคมปี 1944 กองทัพญี่ปุ่นได้ตัดสินใจบุกโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะแบบยอมสละชีพไม่มีอะไรจะเสีย ส่งผลให้มีทหารบาดเจ็บถูกหามมายังเต็นพยาบาลจำนวนมาก

เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้คุณหมอโซโลมอนต้องรักษาคนเจ็บกลางสนามรบที่มีทหารญี่ปุ่นร่วม 5,000 ชีวิตกำลังต่อสู้แบบยอมทิ้งชีวิตของตัวเอง และโซโลมอนก็รู้ตัวดีแก่ใจว่าอีกไม่นานทหารเหล่านี้จะต้องมาถึงตัวเขาในเร็วๆ นี้แน่ๆ

 

 

ความกลัวของเขาเป็นจริงขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อคุณหมอเหลือบมองไปนอกเต็นท์พยาบาลและเห็นทหารญี่ปุ่นเริ่มสังหารคนเจ็บที่นอนอยู่นอกเต็นท์ด้วยดาบปลายปืน

ซึ่งทำให้เขามั่นใจว่าทหารเหล่านี้คงจะไม่มีแนวคิดจะปล่อยคนเจ็บหรือหมอเป็นแน่

เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้คุณหมอโซโลมอนจึงตัดสินใจคว้าปืน M1 Garand ของคนเจ็บใกล้ๆ ยิงใส่ทหารข้างนอกเต็นท์

 

 

เขาพยายามปกป้องคนเจ็บที่เหลือจนต้องสังหารทหารญี่ปุ่นทั้งด้วยกระสุนปืน มีด ดาบปลายปืน หรือแม้แต่พานท้ายปืน แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องเรียกให้พยาบาลผู้ช่วยรีบนำตัวคนเจ็บออกจากพื้นที่ ในขณะที่ตัวเองถ่วงเวลาให้

ในท้ายที่สุดทางกองทัพสหรัฐฯ ก็ต้องขาดการติดต่อกับโซโลมอนไปเป็นเวลายาวนานถึง 15 ชั่วโมง เนื่องจากกองทัพจำเป็นต้องใช้เวลาในการยึดพื้นที่คืน

 

 

อย่างไรก็ตามเมื่อกองทัพยึดแนวรบคืนไปได้ พวกเขาก็ต้องพบกับภาพราวกับหลุดมาจากในตำนาน

พวกเขาพบร่างของเบ็น เอล. โซโลมอน นอนเสียชีวิตอยู่ข้างปืนกล ในสภาพมีแผลถูกยิงและแทงร่วม 76 แห่งทั่วตัว แต่ถึงอย่างนั้นรอบๆ ตัวของเขาก็รายล้อมไปด้วยร่างของทหารญี่ปุ่นนับไม่ถ้วน

รอยเลือดของเขาเป็นหลักฐานว่าเจ้าตัวเปลี่ยนตำแหน่งปืนหลายครั้งในขณะที่บาดเจ็บสาหัสเพื่อซื้อเวลาให้เพื่อนทหารล่าถอยไปได้ และที่สำคัญเขาทำมันด้วยตัวคนเดียวด้วย

 

 

ในท้ายที่สุด เบ็น เอล. โซโลมอนก็ถูกระบุว่าเป็นผู้สังหารทหารญี่ปุ่นไปมากถึง 98 ศพในการรบครั้งนี้

ดังนั้นมันจึงน่าเสียดายมาที่เรื่องราวของเขาไม่ได้เป็นที่รู้จักนักในเวลานั้น เนื่องจากนายพลระดับสูงกลัวว่าเรื่องราวของเขามีการละเมิดอนุสัญญาห้ามแพทย์ใช้งานอาวุธของเจนีวา จึงไม่ได้มอบเหรียญกล้าหาญให้ชายคนนี้

(ซึ่งในกรณีนี้จริงๆ แล้วถือเป็นการป้องกันตัว ดังนั้นโซโลมอนจึงสามารถใช้อาวุธได้)

 

 

ดังนั้น กว่าที่วีรกรรมของนายแพทย์โซโลมอนจะได้รับการยอมรับจริงๆ มันก็ในปี 2002 โดยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช เลยทีเดียว

และเหรียญอิสริยาภรณ์ระดับสูงสุดเหรียญดังกล่าวก็ถูกนำไปจัดแสดงไว้ในมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย แม้แต่ในปัจจุบัน

 

 

ที่มา wearethemighty, special-ops


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น