ย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2018 ยาน OSIRIS-REx ของนาซา ได้เดินทางไปถึงอุกกาบาตชื่อ “Bennu” และนำมาซึ่งความรู้ใหม่ๆ มากมายเกี่ยวกับอุกกาบาตลูกนี้
หนึ่งในความรู้ใหม่ๆ เหล่านั้น คืออุกกาบาตลูกนี้ ที่ผ่านๆ มาจะมีการ “ดีด” อนุภาค ออกมาจากตัวอุกกาบาตเองอยู่เป็นพักๆ โดยในปี 2019 ตัวอุกกาบาตมีการดีดอนุภาคครั้งใหญ่อยู่ราวๆ 3 ครั้ง และทำให้มีอนุภาคมากกว่า 200 ชิ้นหลุดออกไปจากตัวอุกกาบาต
ไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไรอุกกาบาต Bennu จึงมีการปล่อยอนุภาคออกมาเช่นนี้ อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์ก็ได้มีการตั้งทฤษฎี ที่จะนำมาใช้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ 3 ทฤษฎีซึ่งได้แก่
1. ตัวอุกกาบาตอาจถูกชนโดยอุกกาบาตอื่นๆ
2. อุกกาบาตมีความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิซึ่งทำให้เกิดการปริแตก
3. น้ำในอุกกาบาตเกิดการระเหยกลายเป็นไอ และดันอนุภาคออกมา
อ้างอิงจากข้อมูลของทางนาซา พวกเขาให้น้ำหนักทฤษฎีที่ 2-3 ไว้ค่อนข้างมาก เนื่องจากสองทฤษฎีนี้ มีความเป็นไปได้สูงและสามารถเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กันทั้งคู่
นั่นเพราะในปี 2018 ทางนาซาได้ค้นพบว่าอุกกาบาต Bennu นั้น มีน้ำอยู่ภายในพื้นผิวที่เป็นดินเหนียว แถมยังมีอุณหภูมิในบางช่วงเวลาที่มากพอจะทำให้ผิวแตกออกหรือน้ำภายในเดือดขึ้นได้
ถึงอย่างนั้นก็ตาม เหตุผลข้อแรกเองก็ใช่ว่าจะถูกตัดทิ้งออกไปเลยเช่นกัน เพราะการชนกันของอุกกาบาตเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ดังนั้นในช่วงเราจึงไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าอุกกาบาตลูกนี้ เคยพบกับเหตุการณ์อะไรมาบ้างในตอนที่ยาน OSIRIS-REx ไม่ได้จับตาดูมัน
ดังนั้นแล้ว นักดาราศาสตร์จึงได้สรุปเรื่องที่เกิดขึ้นว่า มันไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย ที่ทฤษฎีทั้ง 3 จะเป็นต้นเหตุของการดีดอนุภาคที่เราพบ ดังนั้นแล้วในปัจจุบันจึงยังคงเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะฟันธงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอุกกาบาต Bennu
ถึงอย่างนั้นก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ในทางวิทยาศาสตร์เลยแต่อย่างไร เพราะการค้นพบปรากฏการณ์นี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการขยายความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับการทำงานของดาวเคราะห์น้อยได้ไม่ยากเลย
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น