CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

‘เลือดแมงดา’ เลือดสีน้ำเงินมูลค่ามหาศาล ถูกนำมาใช้ผลิตวัคซีน และกระทบต่อชีวิตพวกมัน

ก่อนอื่นก่อนใดเมื่อกล่าวถึง ‘สีของเลือด’ ส่วนใหญ่แล้วคงต้องเป็นสีแดง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประเภทไหนๆ ก็ตาม แต่หากว่ามีหนึ่งสายพันธุ์ที่ไม่ได้มีเลือดสีแดงแท้ แต่เป็นสีฟ้าแท้ๆ ใช่แล้วล่ะ… สีฟ้าคือเลือดของแมงดาทะเล

สำหรับแมงดาในบ้านเรานั้น อาจจะมีในบางพื้นที่ที่นิยมจับพวกมันขึ้นมาเพื่อกินไข่แมงดา แต่ทว่าในส่วนอื่นของโลกนั้นจะจับพวกมันมาดูดเลือดออก และเลือดของพวกมันก็มีราคาที่แพงเอามากๆ ด้วย

 

 

นอกเหนือจากสีสันของเลือดที่แปลกตาแล้ว เลือดแมงดายังมีมูลค่าสูงถึง 60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อแกลลอน หรือ 1,800,000 บาทเลยล่ะ ทำไมมันถึงแพงขนาดนั้นล่ะ? คำตอบก็คือเลือดสีน้ำเงินของแมงดาคือส่วนประกอบสำคัญในการผลิตวัคซีนต้านโรคนั่นเอง

ก่อนอื่นเลยต้องถามว่าทำไมเลือดแมงดาต้องเป็นสีน้ำเงิน คำตอบก็คือสีฟ้ามาจากทองแดงที่อยู่ในโปรตีน Hemocyanin ในเลือดของพวกมัน ซึ่งจะลำเลียงออกซิเจนภายในเลือดนั่นเอง

 

 

ส่วนที่ทำให้มนุษย์ต้องการเลือดสีน้ำเงินไม่ใช่เพราะสีสันที่แตกต่าง แต่เป็นเพราะเลือดของพวกมันมีลิ่มชนิดพิเศษที่จะช่วยในการผสมเป็นสารสกัด Limulus Amebocyte Lysate (LAL)

โดยมีบทบาทสำคัญในช่วยการพิจารณาว่าวัคซีนหรือเครื่องมือทางการแพทย์ใหม่นั้น ปลอดภัยจากการปนเปื้อนหรือไม่

 

 

นั่นจึงทำให้เลือดแมงดามีความสำคัญต่อการผลิตวัคซีนโควิด-19 เพราะนักวิทยาศาสตร์จะใช้เลือดเพียงไม่กี่หยดลงไปในวัคซีนหรือเครื่องมือทางการแพทย์

หากมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่ มันก็จะจับตัวกลายเป็นเจลเมื่อผสมกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่ได้มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแต่อย่างใด

 

 

การจะได้มาซึ่งเลือดสีน้ำเงินเหล่านี้จะต้องจับแมงดาทะเลขึ้นมา และดูดเลือดของพวกมันออกไปประมาณ 30% อย่างไรก็ดีในจำนวนที่ถูกจับมานั้นก็ไม่รอดไปประมาณ 30% เช่นกัน หากตัวไหนยังแข็งแรงดีก็จะถูกปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ

แต่ถึงแม้แมงดาที่รอดชีวิตจากการถูกดูดเลือดออกไปแล้ว ก็ไม่แน่นอนว่าพวกมันจะอยู่จนถึงสิ้นอายุขัยจริงๆ

จากการศึกษาและค้นคว้าวิจัยโดยศาสตราจารย์ด้านสัตววิทยา Win Watson มหาวิทยาลัยนิวแฮมเชียร์ ระบุว่าแมงดาทะเลในจำนวน 10% – 25% จะมีร่างกายที่อ่อนแอและตายลงภายในไม่กี่วันหลังจากถูกดูดเลือดออกไป

อย่างไรก็ดีหากพวกมันสามารถเอาชีวิตรอดได้ใน 2 สัปดาห์แรก มันก็จะกลับสู่วิถีชีวิตตามธรรมชาติปกติ และอยู่รอดปลอดภัยจนสิ้นอายุขัย

 

 

แม้ว่าเลือดสีน้ำเงินจะดูมีพลังวิเศษและหาได้ยาก ช่วยในการวิจัยค้นคว้าหายารักษาหลายๆ โรค แต่จำนวนประชากรของแมงดาเองก็อยู่ในระดับอันตราย

ไม่เพียงแต่มนุษย์ที่ต้องการเลือดสีน้ำเงิน แต่แมงดาก็ยังกลายมาเป็นอาหารจานพิสดาร ที่มนุษย์สรรหามาทานด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้นแล้วหากปล่อยให้มีการล่าพวกมันขึ้นมาต่อไปเรื่อยๆ แมงดาก็อาจจะกลายมาเป็นสัตว์ที่ต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ไปในที่สุด

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวเลเซอร์

ที่มา: nationalgeographic, redchili21


Tags:

Comments

ใส่ความเห็น