นี่อาจเรียกได้ว่ามันคือกรรมติดจรวดโดยแท้จริง เมื่อหัวขโมยวัยรุ่น 5 คนเกิดความคิดบุกเข้าไปปล้นบ้านคนอื่น ส่งผลให้พวกเขานั้นกลายเป็นผู้มีความเสี่ยงของการติดเชื้อ COVID-19 ?!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองมาคัซซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย หัวขโมยวัยรุ่น 5 คนตัดสินใจบุกเข้าไปปล้นบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่เห็นว่าบ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่มาหลายวันแล้ว
งานนี้จึงเรียกได้ว่าหวานหมู หัวขโมยทั้ง 5 เลยปล้นเอาของมีค่าไปได้ เป็นเครื่องประดับทองคำ 15 กรัม และเงินสดรวมแล้วเกือบ 45,000 บาท
ทว่าหลังจากที่ทั้ง 5 คนหลบหนีไปได้เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถติดตามตัวจับกุมพวกเขามาดำเนินคดีได้จากพยานหลักฐานต่างๆ
แต่นอกจากที่หัวขโมยทั้ง 5 จะโดนจับแล้ว มันกลับยังไม่จบเพียงแค่นั้น
ทั้ง 5 คนถูกจับไปขังแยกเอาไว้อีกห้องหนึ่ง ไม่ขังรวมกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้หลายคนสงสัยว่าเพราะอะไร?
เหตุผลก็ง่ายๆ มันก็เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้ง 5 นั้นได้กลายเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 เนื่องจากบ้านที่พวกเขาเพิ่งไปปล้นมา เจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นผู้ติดเชื้อ
กล่าวคือที่เจ้าของบ้านไม่อยู่บ้านมาหลายวัน ก็เป็นเพราะว่าเขาจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวหลังพบว่าตนเองติดเชื้อดังกล่าว และการที่หัวขโมยบุกเข้าไปขโมยของในบ้านของเขา ก็เท่ากับว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อด้วยเหมือนกัน
นอกจากจะต้องติดคุกแล้ว นี่ยังอาจจะติดเชื้อไวรัสไปด้วยเหรอเนี่ย!!
เพราะอย่างนั้นเอง ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงต้องตรวจหาเชื้อจากหัวขโมยทั้ง 5 ราย ซึ่งปัจจุบันจากข่าววันที่ 8 พฤษภาคม 2020 ก็ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลตรวจว่าทั้ง 5 คนติดเชื้อหรือไม่
นี่จึงเป็นข้อคิดที่ว่าก่อนจะปล้นบ้านใคร อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และใช้เจลล้างมือ
พ่าม!! หยอกๆๆ ทางที่ดีอย่าไปทำเรื่องที่ไม่ดีจะดีกว่านะ แหะๆ
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: LampungAntaraNews , Kompas , World of Buzz
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น