จากประเด็นที่เกิดไปเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ระหว่างที่มีการชุมนุมในบริเวณแยกเกียกกายของกลุ่มราษฎร และมีการสลายการชุมนุมจากฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อควบคุมสถานการณ์
เด็กโดนแก๊สน้ำตา
หนึ่งในผู้ได้รับลูกหลงก็คือเด็กชายวัย 3 ขวบ โดนแก๊สน้ำตาบริเวณแยกเกียกกาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มมวลชนรอบนอกต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันหลายราย
เมื่อภาพดังกล่าวเริ่มแพร่กระจายออกไปในโลกโซเชียลมากขึ้น จึงเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมายกใหญ่
ชาวเน็ตบางส่วนตั้งคำถามว่า พ่อเดินทางไปแถวนั้นทำไม? จะพาลูกไปเข้าชุมนุมกับม็อบ หรือมีจุดประสงค์ในการใช้เด็กเป็นโล่กำบังหรือไม่?
คุณพ่อของเด็กชี้แจง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการข่าวเที่ยงอมรินทร์ ได้มีการติดต่อสอบถามกับพ่อของเด็กที่ปรากฎในภาพดังกล่าวก็คือ นายไพรรัช กาญจนวรุตน์ อายุ 50 ปี ส่วนลูกชายก็คือน้องพ็อตอายุ 3 ขวบ โดยคุณพ่อยืนยันว่าลูกถูกน้ำที่เจ้าหน้าที่ฉีดใส่จริง

และยืนยันว่าในวันนั้นตนไม่ได้จะพาลูกไปเข้าร่วมชุมนุม แต่วันนั้นจะพาลูกไปเจอกับพี่สาว (ป้าของลูก) โดยขี่รถจักรยานยนต์พร้อมกับลูก 2 คนบนถนนประชาราษฎร์สาย 1 จะไปตามนัดทานข้าวกับคุณป้าที่ทำงานอยู่ย่านเกียกกาย
แต่ปรากฎว่าช่วงกำลังเดินทางไปนั้น มีมวลชนรวมตัวกันพอดีและเจ้าหน้าที่ก็ฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุม

ลูกชายของคุณไพรรัชก็โดนน้ำที่ถูกฉีดออกมา และเริ่มมีอาการแสบตา อาเจียน น้ำหูน้ำตาไหล จนกระทั่งมีแอมมี่ The Bottom Blues รีบเข้ามาช่วยเหลือและขอโทษคุณพ่อกับน้องตลอดเวลา เนื่องจากไม่สามารถดูแลได้
“พยายามเดินออกมาครับ แต่คนที่เข้ามาก็พยายามจะเดินดันเข้ามา เด็ก 2 คน คนโตก็คอยจับเสื้อ ผมก็พะวงอ่ะฮะ พอช่วงน้องนั่งลงไปแค่นั้นแหละครับก็เกิดอาการนั้นออกมา อาเจียนออกมา น้ำหูน้ำตาไหล ร้องแสบตา”

“ก็มีพี่ป่อเต็กตึ๊งหรืออาสาป่อเต็กตึ๊งนี่แหละครับมาอุ้ม แล้วก็มีแอมมี่นี่แหละครับวิ่งตามเข้าไป
ผมไม่ได้ว่าใครผิดหรอกครับ ผมหลุดเข้าไปเอง ได้ยินอยู่ว่าเจ้าหน้าที่ประกาศ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจแล้วตอนนั้นผมต้องการจะออก ผมดูแล้วเหตุการณ์เราหลุดเข้ามาในม็อบที่กำลังจะเกิดความรุนแรงแน่ๆ”

“พอภาพลงไปก็โดนถล่มเละเลย ทัวร์ก็ลงมาเต็มๆ หาว่าผมเอาเด็กไปเป็นโล่กำบัง หาว่าเอาเด็กไปอย่างงี้ ผมว่ามันไม่ใช่นะฮะ ลองนึกในบริบทคนเป็นพ่อเป็นแม่ น้ำขนาดนั้นแรงดันสูงใช่มั้ยฮะ จะเอาเด็กเข้าไปเป็นโล่ นี่มันก็เกินไป”

เบื้องต้นอาการของน้องพ็อตอยู่ในขั้นที่ปลอดภัยแล้ว แต่จำเป็นจะต้องหยุดพักเรียนไปก่อน และหากมีอาการแทรกซ้อนอะไรเพิ่มเติมคุณพ่อจะพาน้องไปหาหมอต่อไป
คลิปข่าวจาก Amarin News
เรียบเรียงโดย #เหมียวเลเซอร์
ที่มา: @AMARIN TVHD, @amarinnews
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น