CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

นักวิทย์จีนเผยระบบเจ๋ง ใช้อัลกอริทึมตรวจความเสี่ยงโรคหัวใจได้ โดยใช้แค่ภาพถ่ายเซลฟี่

เทคโนโลยี “อัลกอริทึม” ในปัจจุบันถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวและมีการประยุกต์ใช้ที่หลากหลายขึ้นทุกวัน เพราะมันไม่เพียงแต่จะถูกใช้ในการแนะนำวิดีโอบนยูทูปให้เราเท่านั้น

แต่เชื่อกันหรือไม่ว่าล่าสุดนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังสามารถนำระบบอัลกอริทึมมาตรวจความเสี่ยงโรคหัวใจของผู้คนโดยใช้แค่ภาพถ่ายเซลฟี่ได้แล้วด้วย!?

 

 

เจ้าระบบที่ราวกับสุดมาจากหนังไซไฟนี้ ได้รับการเปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรกในวารสาร European Heart Journal เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา

มันเป็นผลงานจากการทดลองของทีมนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือดแห่งชาติในปักกิ่ง ประเทศจีน และมีผลงานสามารถตรวจจับโรคโรคหัวใจของคนไข้ตัวอย่าง 1,000 ชีวิตได้ด้วยความแม่นยำถึงราวๆ 80%

อ้างอิงจากนักวิทยาศาสตร์ระบบของพวกเขานั้นทำงานโดยใช้อัลกอริทึมที่มีข้อมูลผู้ป่วยจำนวนมากจากศูนย์ จำแนกความเสี่ยงโรคหัวใจจากปัจจัยบนใบหน้าเช่น ริ้วรอย รอยย่นที่ติ่งหู หรือคราบสีเหลืองรอบเปลือกตาเป็นต้น

ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ จะทำให้ผู้ใช้ระบบสามารถตรวจสอบอาการของตัวเองได้โดยการถ่ายเซลฟี่เท่านั้น

 

 

“นี่อาจเป็นวิธีการ ที่ราคาถูก ง่าย และมีประสิทธิภาพในการระบุตัวผู้ป่วยที่ต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติมในอนาคต” คุณ Zhe Zheng หนึ่งในทีมวิจัยอธิบาย

นับว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากที่ในปัจจุบัน ระบบอัลกอริทึมของทีมนักวิทยาศาสตร์นั้น ยังคงต้องการการปรับแต่งเพิ่มเติมและทดลองกลับกลุ่มประชากรในชาติพันธุ์อื่นๆ อยู่

เนื่องจากตัวระบบยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้นให้เหก็นอยู่ประปลาย แถมกว่า 46% ของปัญหาดังกล่าวก็เป็นการวินิจฉัยแบบผลตรวจเป็นบวกแต่ผิดพลาด (False Positive) เสียด้วย

ซึ่งความผิดพลาดในจุดนี้หากเกิดในการใช้จริงก็อาจจก่อให้เกิดความวิตกกังวลและความไม่สะดวกใจแก่ผู้ป่วย แถมยังอาจทำให้สถานพยาบาลต้องมีงานเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นได้

 

 

แต่ถึงจะมีจุดอ่อนอยู่บ้างก็ตาม แต่ระบบตัวใหม่นี้ก็ถือว่าเป็นระบบที่ฉายแววความสำเร็จในอนาคตอย่างมากเช่นกัน

และหากการพัฒนาเป็นไปได้ด้วยดี มันก็ไม่แน่เหมือนกันว่าในอนาคต การตรวจโรคหัวใจด้วยตัวเองของเราก็อาจจะง่ายดายขึ้นถึงขั้นที่ว่าแค่โหลดแอปมาถ่ายเซลฟี่เลยก็เป็นได้

 

ที่มา futurism, European Heart Journal และ sciencedaily


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น