‘การบริจาคร่างกาย’ หลังจากที่เราตายไปเพื่อใช้ในการแพทย์ สิ่งนั้นอาจเป็นความตั้งใจของใครหลายๆ คนที่เชื่อว่าแม้เราจะต้องจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังจะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่คนรุ่นหลังได้
คนส่วนใหญ่หวังว่าร่างกายของเราจะถูกนำไปศึกษาต่อในส่วนของอวัยวะต่างๆ อย่างละเอียด ศึกษาเกี่ยวกับโรคที่เป็นสาเหตุการตายของเราอะไรประมาณนั้น แต่ทว่าความจริงแล้ว มันก็อาจไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เสมอไป
การบริจาคร่างกาย ที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการแพทย์อย่างที่ตั้งใจ
นี่คือเรื่องราวที่ถูกนำมาพูดถึงและมีกระแสโด่งดังไปทั่วสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ครอบครัวหนึ่งได้รับรู้ว่า ‘ร่างกายของคุณแม่’ ผู้จากโลกนี้ไปด้วย “โรคอัลไซเมอร์” นั้น ถูกนำไปใช้ใน ‘การทดลองแรงระเบิด’ ของกองทัพสหรัฐฯ
Doris Stauffer คือคุณแม่ผู้อาศัยอยู่ในรัฐแอริโซนา และได้จากโลกนี้ไปในวัย 73 ปี ตอนปี 2013 หลังจากที่ต้องทุกข์ทรมานมานานจากอาการของโรคอัลไซเมอร์
Doris ผู้จากโลกนี้ไปด้วยโรคอัลไซเมอร์ ในวัย 73 ปี (คนกลาง)
หลังจากที่ Doris ได้เสียชีวิตลง ลูกๆ และครอบครัวของเธอก็หวังที่จะบริจาคร่างกายของเธอไปเพื่อใช้ในการศึกษาทางการแพทย์ ศึกษาเกี่ยวกับสมองที่ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าว
Jim ลูกชายของ Doris ก็ได้รับคำแนะนำให้ติดต่อไปยังศูนย์ทรัพยากรชีวภาพ Biological Resource Center (BRC) ซึ่งเป็นสถานที่รับบริจาคร่างกายของมนุษย์เพื่อการศึกษา การวิจัยต่างๆ
ผู้เป็นลูกชายจึงได้อ่านสัญญาการยินยอมบริจาคร่างกายของคุณแม่เพื่อนำไปใช้ในการวิจัยต่างๆ และเขาก็ยืนยันว่าตนเองได้เลือกเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า “ห้ามนำไปใช้ในการทหาร หรือสิ่งที่ไม่ใช่การทดลองทางการแพทย์เด็ดขาด”
ศูนย์ทรัพยากรชีวภาพ BRC
การลักลอบขายร่าง
หลังจากผ่านไปได้ 10 วัน นับตั้งแต่ที่ Jim ได้บริจาคร่างกายของคุณแม่ไปแล้ว เขาก็ได้รับ ‘เถ้ากระดูก’ ส่งคืนกลับมาให้ โดยไม่ได้รับรู้ข้อมูลใดๆ เลยว่าร่างกายของคุณแม่นั้นถูกนำไปใช้อย่างไร
คนในครอบครัวจึงช่วยกันพยายามสืบหาข้อมูลถึงเรื่องนั้น และมีการติดต่อไปยังสื่อสำนักข่าวๆ ต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสำนักข่าวชื่อดังอย่าง Reuters
ทางสำนักข่าว Reuters ได้มีการสืบค้นหาข้อมูลเบื้องลึก จนได้พบว่าขี้เถ้ากระดูกที่ถูกส่งกลับมาให้นั้น เป็นเพียงแค่ส่วน ‘มือ’ ในขณะที่ร่างกายส่วนที่เหลือทั้งหมด ‘ถูกขายให้กองทัพสหรัฐฯ’
การสืบสวนจึงทำให้ทราบว่าร่างกายของ Doris นั้นถูกนำไปใช้ใน ‘การวิจัยแรงระเบิด’ ของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากระเบิดแสวงเครื่อง
ความเป็นจริงที่ได้รับรู้ในภายหลังนั้น แสดงให้เห็นเลยว่าทางศูนย์ทรัพยากรชีวภาพ BRC ที่ได้รับบริจาคร่างกายไปในตอนแรกนั้น พวกเขาไม่ได้ทำตามข้อสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับ Jim
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทาง BRC ได้นำร่างกายของผู้บริจาคไปใช้โดยไม่ได้รับการยินยอมจากทางครอบครัว แต่ทว่ายังมีอีกไม่ต่ำกว่า 20 ร่าง ถูกนำไปขายเพื่อการวิจัยในลักษณะเดียวกันนี้
โดยทาง Reuters กล่าวว่า ร่างกายของผู้ที่บริจาคมานั้นมีราคาสูงถึง 5,893 ดอลลาร์ ต่อ 1 ร่าง หรือราวๆ 182,000 บาท
ความรู้สึกของคนในครอบครัว
หลังจากที่ได้รับรู้ความจริง Jim ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เราได้รู้ว่าร่างของเธอนั้นถูกผูกติดกับอุปกรณ์บางอย่าง ก็จะเกิดการระเบิดขึ้นใต้ร่างของเธอ เพื่อศึกษาวิจับเกี่ยวกับผลกระทบที่ร่างกายมนุษย์จะได้รับ”
“หลังจากที่ได้รับรู้ถึงเรื่องนั้น ผมก็มักจะฝันเห็นแม่ของผมอยู่ตลอด และผมรู้สึกได้เลยว่าเธอไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเอามากๆ”
Jim ลูกชายของ Doris
เขายังบอกอีกว่า “ทุกครั้งที่ความทรงจำเรื่องแม่ของผมถูกพูดขึ้นมา ทุกครั้งที่ผมคิดถึงเธอ หรือเห็นภาพเก่าๆ ของเธอ สิ่งที่ผมจะคิดต่อไปก็คือร่างของเธอที่ถูกนำไปใช้ในการวิจัยดังกล่าว ซึ่งเราไม่อาจลบภาพนั้นออกไปได้เลย”
และแม้ว่างานวิจัยทางทหารดังกล่าวอาจมองได้ว่าเป็นประโยชน์ในอีกแง่มุมหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่ Jim หวังจะให้มันเกิดขึ้นจากการที่เขาบริจาคร่างกายของคุณแม่ไปเลยแม้แต่น้อย
บทลงโทษของผู้กระทำผิด
จากการละเมิดข้อสัญญาการบริจาคร่างกายหลายๆ ครั้งนั้น ทำให้ศูนย์ทรัพยากรชีวภาพ BRC ต้องปิดตัวไปในปี 2014 และนาย Stephen Gore เจ้าของศูนย์ดังกล่าวยังต้องจำคุกตั้งแต่ปี 2015
และในปัจจุบันครอบครัวของ Doris และอีกหลายๆ ครอบครัวที่ถูกละเมิดสัญญานั้นก็ได้ทำการฟ้องร้องต่อทางบริษัท โดยนาย Stephen จะต้องขึ้นให้การต่อศาลในเดือนตุลาคม 2019 นี้ต่อไป
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น