ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่เว้นแม้แต่วิถีแห่งการตีดาบซามูไร ที่เน้นในเรื่องของรายละเอียดวัตถุดิบต่างๆ ต้องผ่านการเผาและตีเหล็กครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชม ‘ดาบซามูไร’ ที่ถูกตีขึ้นมาจาก ‘หินอุกกาบาต’ กันครับ
ย้อนกลับไปเมื่อ 130 ปีก่อน ชาวนาคนหนึ่งได้ขุดหามันสำปะหลังที่อยู่ใต้พื้นดิน ซึ่งบริเวณที่เขาขุดในปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ของจังหวัดโทยามะ
ชาวนาคนนั้นบังเอิญไปเจอก้อนหินแปลกประหลาดก้อนหนึ่ง พอเอาไปให้นักประเมินราคาจากโอซาก้าตรวจสอบดู ก็ยังไม่ทราบว่ามันคืออะไร…
และเจ้าหินก้อนนั้นก็เลยถูกนำไปใช้เป็น สุเกะโมโนะ อิชิ หรือหินทับฝาเพื่อดองผัก มาเป็นเวลาหลายปี
จนกระทั่งในปี 1895 นักธรณีวิทยาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของรัฐบาลญี่ปุ่น ได้เข้ามาตรวจสอบเจ้าหินดังกล่าว และพบว่าจริงๆ แล้วมันคือ ‘หินอุกกาบาต’ ที่เรียกว่า ‘ชิราฮางิ’
จากหินทับฝาเพื่อดองผัก กลายมาเป็นวัตถุแสนล้ำค่า ซามูไรนามว่า เอโนโมโตะ ทาเกอากิ เป็นคนขอซื้อมันไปและเก็บเอาไว้ในครอบครอง
เอโนโมโตะเป็นซามูไรทื่มีชื่อเสียง และเขาจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญที่ก่อตั้ง ‘กองทัพเรือ’ ของญี่ปุ่นขึ้นมา
และแทนที่จะซื้อไปเพื่อทำการสะสมเป็นของหายาก แต่เขาได้ตัดสินใจนำเจ้าหินอุกกาบาตนี้ เอาไปสร้างเป็น ‘ดาบซามูไร’
โดยให้ช่างตีดาบ โอกะโยชิ คุนิมุเนะ เป็นคนตีมันขึ้นมา โดยจะสร้างขึ้นมาเป็นชุดดาบที่มี 5 เล่มด้วยกัน แบ่งเป็นดาบยาว (คาตานะ) 2 เล่ม และ ดาบสั้น (ตันโตะ) อีก 3 เล่ม พร้อมกับตั้งชื่อชุดดาบ ‘ริวเซโตะ’
ดาบคาตานะ 1 เล่ม ถูกส่งไปเป็นของกำนัลให้แก่สมเด็จพระจักรพรรดิไทโช ที่ขึ้นครองราชย์ในช่วงปี 1912 จนถึงปี 1926
ส่วนที่เหลืออีก 4 เล่มที่เหลืออยู่ในการดูแลของมหาวิทยาลัยโตเกียว คณะเกษตรศาสตร์ ซึ่ง เอโนโมโตะ เป็นคนก่อตั้งขึ้นมา
และปัจจุบัน 1 ในดาบตันโตะ ก็ถูกนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในเมืองโทยามะ เพื่อให้คนทั่วไปได้รับชม และไม่ได้เปิดให้รับชมตลอดทั้งปีนะ ใน 1 ปี จะเปิดให้ชมเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น!!
จากข้อมูลของอาจารย์ฮายาชิ หัวหน้าผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ระบุว่าความพิเศษของดาบริวเซโตะที่ตีขึ้นจากอุกกาบาตนี้มันเป็นอย่างไร
ต้องบอกก่อนว่าแร่อุกกาบาตนั้นมีความแตกต่างกับแร่เหล็กบนโลกของเราเป็นอย่างมาก เพราะมันมีนิกเกิลมากกว่าแร่เหล็กถึง 10 เปอร์เซ็นต์ และมีคาร์บอนน้อยกว่า
เมื่อมีคาร์บอนน้อยกว่าก็จะทำให้มันมีความเหนียว และยืดหยุ่น มากกว่าแร่เหล็กทั่วไป ระหว่างที่ตีขึ้นมาก็จะต้องใช้ความร้อนที่มากกว่าการตีดาบธรรมดา
ในบันทึกของเอโนโมโตะ เขียนเอาไว้ว่าริวเซโตะเป็นดาบที่ ‘ตัดได้แทบทุกอย่าง’ นอกจากนี้จากนี้ การใช้เหล็กอุกกาบาตมาตี จะทำให้ลวดลายบนดาบ มีความพิเศษไม่เหมือนกับดาบเหล็กทั่วไป
.
.
งดงามสมคำร่ำลือจริงๆ
ที่มา : soranews
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น