ในช่วงเวลาที่โลกเผชิญกับปัญหามากมายเหล่านี้ หลายๆ คนก็อาจจะลืมไปแล้วว่าเรายังคงมีปัญหาเกี่ยวกับโลกร้อนและภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงคงอยู่ด้วย ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันจะมีแนวโน้มที่ดูขึ้นเล็กน้อยแต่ถ้าเทียบกับในอดีต นี่ก็ยังคงไม่ใช่ปัญหาที่พูดได้ว่าถูกแก้ไขแล้วสักเท่าไหร่
ดังนั้นเพื่อที่จะย้ำเตือนถึงภัยร้ายที่อาจจะมาจากภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงเมื่อไม่นานมานี้เองบริษัทท่องเที่ยวอย่าง The Latin America Travel Company จึงได้ตัดสินใจออกภาพถ่ายชุดใหม่ ที่จะเปรียบเทียบให้เราเห็นว่าสถานที่สำคัญต่างๆ ของโลกในอนาคตอาจจะมีสภาพอย่างไร หากว่าปัญหาภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงยังคงไม่ถูกแก้ไข
แต่ภาพเหล่านี่จะเป็นอย่างไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
เรามาเริ่มกันจากภาพของสถานที่ที่หลายๆ คนรู้จักกันดีอย่างอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพของสหรัฐอเมริกา
อันนี้ในปัจจุบัน
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ในอนาคต
ระดับน้ำที่สูงขึ้นอาจจะท่วมเทพไปเกือบครึ่งตัวเลย
แนวปะการัง Great Barrier ที่ออสเตรเลีย ในปัจจุบัน
แนวปะการัง Great Barrier ในอนาคต
ทะเลที่ร้อนขึ้น เป็นกรดขึ้น และสิ่งสกปรกจะทำลาย แนวปะการังไปจนหมด
ป่าดงดิบอเมซอน บราซิล ในปัจจุบัน
ป่าดงดิบอเมซอนในอนาคต
อากาศที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้ต้นไม้โตยากขึ้น ซึ่งหากบวกกับการตัดไม้ทำลายป่าในปัจจุบัน มันก็ไม่ยากที่ป่าแห่งนี้จะหายไปจนเราแทบจำภาพเดิมไม่ได้
แอนตาร์กติกา ในตอนนี้
แอนตาร์กติกา ในอนาคต
อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้น้ำแข็งละลาย ทิ้งไว้เพียงภูมิทัศน์เปลือยๆ ที่อยู่ด้านล่างอดีตธารน้ำแข็งเท่านั้น
วิหารพาร์เธนอน กรีซ ในปัจจุบัน
วิหารพาร์เธนอนในอนาคต
การปล่อยคาร์บอนจะทำให้เกิดฝนกรดบ่อยขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ามันจะกัดกร่อนโครงสร้างโบราณของที่นี่ไปเรื่อยๆ
เวนิส อิตาลี ในปัจจุบัน
เวนิสในอนาคต
นี่เป็นอีกเมืองที่มีแนวโน้มจะจมลงสู่ใต้ระดับน้ำ เรียกได้ว่าจากเมืองแห่งคลองเวนิสจะกลายเป็นเมืองใต้น้ำไปจริงๆ เลย
เขาทรีซิสเตอร์ ออสเตรเลีย ในปัจจุบัน
เขาทรีซิสเตอร์ในอนาคต
อุณหภูมิที่สูงขึ้นและไฟป่าจะทำลายภูมิทัศน์ที่เคยเขียวขจีไปจนหมด เหลือไว้แต่ภูเขาโล้นๆที่มีแต่ดิน
ธารน้ำแข็งปาสโตรุริ ของเปรู ในปัจจุบัน
ธารน้ำแข็งปาสโตรุริ ในอนาคต
แน่นอนว่าธารน้ำแข็งก็เป็นอีกหนึ่งในสิ่งที่ได้รับภาระจากความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นมากที่สุด และในอนาคต ธารน้ำแข็งหลายแห่งเองก็อาจจะหายไปจนหมดด้วย
สโตนเฮนจ์ แห่งสหราชอาณาจักร ในปัจจุบัน
สโตนเฮนจ์ ในอนาคต
นี่เป็นโบราณสถานอีกที่ซึ่งอาจจะถูกทำลายไปจากฝนกรด และการพังทลายของดินในพื้นที่ เนื่องจากอากาศที่อุ่นขึ้นอาจไปเพิ่มจำนวนตัวตุ่นใต้ดินจนมากเกินการควบคุมได้
ปิดท้ายกันด้วยน้ำตกวิกตอเรีย ในแซมเบีย ปัจจุบัน
และน้ำตกวิกตอเรียในอนาคต
ในกรณีที่อุณหภูมิยังสูงขึ้นเช่นนี้ ในบางพื้นที่อาจต้องประสบกับภัยแล้งอย่างหนัก ซึ่งสำหรับแซมเบียเรื่องประมาณนี้ก็เกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2019
ที่มา boredpanda และ thelatinamericatravelcompany
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น