ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ ล่าสุดดูเหมือนว่าที่ยูเครน จะมีเหตุการณ์ที่น่าจับตามอง เมื่อไฟป่าบริเวณใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ยังคงไม่ดับลง
ย้อนกลับไปเมื่อราวสิบวันก่อน ก็มีรายงานการเกิดไฟป่า แต่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าควบคุมได้แล้ว: เจ้าหน้าที่เผย เกิดไฟป่าใกล้พื้นที่เชอร์โนบิล ทำให้บริมาณรังสีพุ่งขึ้นจากปกติ 16 เท่า
แต่ปรากฏว่าไฟป่าซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะในหน้าร้อนของยูเครนที่มักจะเกิดไฟป่าขึ้นเป็นประจำ ทำให้ไฟรอบใหม่นี้รุนแรงกว่าที่ดับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
สิ่งที่น่ากังวลก็คือ นอกจากไฟป่าจะเผาผลาญป่าไปแล้ว ไฟที่ไหม้นี้ยังส่งผลให้ระดับรังสีในพื้นที่ พุ่งขึ้นจากปกติถึง 16 เท่าเสียด้วย
ไฟป่าเมื่อสิบวันก่อน ทำให้รังสีในพื้นที่ได้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ราวๆ 2.6 usv/h จากที่ตามปกติในพื้นที่จะมีรังสีแค่ราว 0.14 usv/h เท่านั้น (ตามในคลิป)
เพราะจุดเกิดเหตุไฟป่านั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ซึ่งกลายเป็นพื้นที่หวงห้ามหลังจากเหตุการณ์ระเบิดเมื่อปี 1986
ไฟป่าได้เผาไหม้สิ่งต่างๆ บนพื้นดิน นั่นหมายถึงเศษซากที่ปนเปื้อนรังสีด้วย และทำให้รังสีนั้นกระจายไปสู่อากาศ ซึ่งเจ้าหน้าที่กังวลว่าลมอาจจะพัดพาอากาศเหล่านั้นไปยังพื้นที่ปลอดภัยซึ่งอยู่ห่างออกไป
โดยพื้นที่เกือบ 30 กิโลเมตรโดยรอบจากจุดระเบิด ยังคงเป็นจุดที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ และนั่นทำให้เมืองพริเพียต กลายเป็นเมืองร้างมานับแต่นั้น
“ณ ตอนนี้ เราไม่สามารถยืนยันได้ว่าไฟนั้นควบคุมได้แล้ว”
เจ้าหน้าที่กว่า 300 นาย พร้อมเครื่องดับเพลิง 85 เครื่องกำลังเร่งควบคุมไฟ โดยได้รับการสนับสนุนจากเครื่องบิน 3 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ เพื่อช่วยดับไฟให้เร็วขึ้น
แม้เจ้าหน้าที่จะค่อนข้างมั่นใจว่า ท้ายที่สุดแล้วระบบของพวกเขาจะควบคุมไฟป่าได้โดยไม่ลามไปยังโรงไฟฟ้าเก่า แต่บางทีธรรมชาติก็อาจจะมีสิ่ง “เซอร์ไพรส์” ที่ทำให้มนุษย์ไม่คาดคิดได้เสมอ
ก็หวังว่าเจ้าหน้าที่จะควบคุมไฟได้ และเหตุการณ์สงบลงโดยเร็ว
.
เรียบเรียง #ประธานเหมียว
ที่มา:
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น