นักวิจัยประสบความสำเร็จ สร้างไฟฟ้าจากความชื้นในอากาศ ใช้งานได้แม้ในทะเลทราย

แห่งพลังงานไฟฟ้าสะอาดของโลกนั้น แม้ว่าจะมีอยู่หลายอย่าง แต่ที่ผ่านๆ มาแหล่งพลังงานดังกล่าวกลับมักจะมีข้อจำกัดอยู่มาก ดังนั้นการหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะผลิตพลังงานสะอาดจึงเป็นอะไรที่เหล่านักวิทยาศาสตร์พยายามจะทำให้ได้กันมาเป็นเวลานาน และหลังจากการวิจัยมาเป็นเวลานานความพยายามของพวกเขาก็ดูเหมือนจะประสบผลแล้ว

นั่นเพราะเมื่อล่าสุดนี้เอง ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์แอมเฮิสต์ ได้มีการออกมาประกาศผ่านงานวิจัยในวารสาร Nature ว่า พวกเขาได้ประสบความสำเร็จในการสร้าง “Air-gen” อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าแบบใหม่ ที่จะผลิตไฟฟ้าได้จากความชื้นในอากาศได้แล้ว

อ้างอิงจากรายงานของนักวิจัย เครื่อง Air-gen ของพวกเขานั้นทำงานโดยอาศัยเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชื่อว่า “Geobacter” ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กที่ในอดีตเป็นที่รู้จักกันจากความสามารถในการสร้างแมกนีไทต์ ได้ในที่ที่ไม่มีออกซิเจน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการค้นพบความจริงข้อใหม่ของ Geobacter เพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อ นั่นคือจุลินทรีย์เหล่านี้ ยังมีความสามารถในการสร้างเส้นใยนาโนโปรตีนขึ้นมาได้ด้วย และหากเรานำขั้วไฟฟ้าไปสัมผัสกับมันดู เราก็จะทราบว่าเส้นใยนาโนโปรตีนพวกนี้สามารถสร้างไฟฟ้าขึ้นมาจากความชื้นได้ด้วย!!

“เรากำลังผลิตไฟฟ้าจากอากาศจริงๆ” คุณ Jun Yao วิศวกรไฟฟ้าหนึ่งในทีมวิจัยกล่าวกล่าว “Air-gen สามารถสร้างพลังงานสะอาดได้ตลอดเวลาเลย”

นี่อาจจะเป็นงานวิจัยดีฟังดูดีเกินกว่าที่จะเป็นไปได้จริงอยู่บ้าง แต่นักวิจัยก็ได้ยินยันว่าผลงานของพวกเขานั้น สามารถใช้งานได้จริง และแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถฟันธงได้ 100% ว่า Geobacter มีการทำงานอย่างไร แต่มันก็มีความเป็นไปได้สูงว่าในเส้นใยนาโนโปรตีนที่กล่าวมา อาจจะมีองค์ประกอบเป็นโปรตอนก็ได้

ทั้งนี้เองในปัจจุบัน Air-gen นั้นสามารถผลิตไฟฟ้าได้ราวๆ 0.5 โวลต์ ด้วยความหนาแน่น 17 มิลลิแอมป์ ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งแม้ว่าจะไม่มากแต่ก็เพียงพอที่จะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กได้ แถมหากมีการพัฒนาต่อ Air-gen ก็อาจจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่อีกด้วย

และสำหรับคนที่กลัวว่าอากาศในพื้นที่ของตัวเองจะแห้งเกินกว่าที่จะใช้งาน Air-gen ได้ ทางนักวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าไม่ต้องกังวลไป เพราะความชื้นในอากาศที่ระบบต้องการนั้น น้อยจนสามารถใช้ได้ในทะเลทรายซาฮาราเลย

ที่มา umass, curiosmos, sciencealert และ futurism