ย้อนกลับไปในปี 2010 นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมากล่าวไว้ว่า หากเราต้องการจะหยุดปัญหาภาวะโลกร้อน มนุษย์จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ ภายใน 30 ปี เพื่อลดอุณหภูมิโลกลงให้ได้ 2 องศาเซลเซียส หรือหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เราจะต้องลดการปล่อยเฉลี่ยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ราวๆ 2% ต่อปี
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน แทนที่อุณหภูมิของโลกจะลดลงอย่างที่เราหวังกันเอาไว้ การก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์กลับมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาถึง 14% ซึ่งทำให้เมื่อล่าสุดนี้เอง นักวิทยาศาสตร์ต้องออกมาเตือนเราอีกครั้งว่า
ด้วยความเร็วของภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เราจะเหลือเวลาอีกแค่เพียง 10 ปี ไม่ใช่ 20 ปีแล้ว และนั่นหมายความว่าเราจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากขึ้นเป็นปีละ 7% เพื่อให้อุณหภูมิของโลกลดลง 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2030
“ในปี 2010 เราเคยคิดว่า เราจะต้องลดก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกลงราวๆ ครึ่งหนึ่งภายใน 30 ปี แต่ในปัจจุบัน เราทราบแล้วว่าการกระทำนี้ จะต้องเกิดขึ้นใน 10 ปีเท่านั้น เราถึงจะลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนได้” ศาสตราจารย์ Niklas Hohne หนึ่งในทีมวิจัยระบุในวารสาร Nature
นี่อาจจะเป็นตัวเลขที่ไม่มากเท่าไหร่ในสายตาของหลายๆ คน แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้วตัวเลยที่ออกมาถือว่าน่ากลัวเอามากๆ เพราะมันกระโดดขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่เราตั้งไว้เกือบๆ 4 เท่า
และการที่เราจะทำอย่างนั้นได้ทันเวลา หนทางที่พอจะเป็นไปได้ที่สุดก็คงจะมีเพียงการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรักษาโลกเราไว้ก็เท่านั้น
“ช่องว่างของการก้าวกระโดดนี้ใหญ่มากจนทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน จำเป็นต้องเปลี่ยนการกระทำให้เป็นดั่งภาวะฉุกเฉิน พวกเขาต้องมุ่งมั่นมากขึ้นในการรักษาภาวะอากาศ และมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการที่รุนแรงและรวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน” ศาสตราจารย์ Niklas กล่าว
“ตอนนี้เราจะไม่มีเวลา ‘อีก 10 ปี’ อีกต่อไปแล้ว ความล้มเหลวทางการเมืองในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาได้ทำให้เรามาถึงจุดจุดนี้แล้ว”
ที่มา nature, thelondoneconomic และ foxnews
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น