เป็นเรื่องที่หลายๆ คนอาจจะทราบกันว่าผึ้งเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศขนาดไหน เพราะผึ้งนั้นเป็นสัตว์ที่มีหน้าที่สำคัญในการผสมเกสรและขยายพันธุ์ของพืชอันเป็นหนึ่งในอาหารสำคัญของมนุษย์และสัตว์หลายๆ ชนิดในโลก จนมีคำกล่าวที่ว่าหากผึ้งสูญพันธุ์ มนุษย์เราก็จะสูญพันธ์ุตามไปในอีก 4 ปีเลย
ดังนั้นเมื่อที่เหล่านักวิทยาศาสตร์พบว่าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีผึ้งในแถบลาตินอเมริกาตายไปกว่า 500 ล้านตัวด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง พวกเขาจึงรู้สึกเป็นกังวลเอามากๆ
เมื่อมีการนำซากผึ้งที่ตายไปตรวจสอบ นักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าผึ้งส่วนมากนั้นมีร่องรอยของสารกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดเช่น Neonicotinoids และ Fipronil ซึ่งถูกแบนในยุโรป แต่ก็ยังคงมีการอนุญาตให้ใช้งานได้ในประเทศบราซิล
ด้วยเหตุนี้เองนักวิทยาศาสตร์จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าความตายของผึ้งจำนวนมากในครั้งนี้ อาจจะมาจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืชในการเกษตรในบราซิลเป็นหลัก จากการที่รายได้ 18% ของประเทศนี้มาจากการเกษตรและบราซิลเป็นผู้นำเข้าสารกำจัดศัตรูพืชอันตรายรายใหญ่
องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติบอกว่า บราซิลมีการใช้งานสารกำจัดศัตรูพืชเพิ่มขึ้นถึง 770% ตั้งแต่ในช่วงปี 1990-2016 และมีการใช้งานสารกำจัดศัตรูพืชกว่า 193 ชนิดซึ่งถูกแบนในระยะเวลาเพียง 3 ปี
ลักษณะการใช้งานสายเคมีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เชื่อกันว่ามาจากนโยบายของทางประเทศเอง ซึ่งจะออกไปทางการต่อต้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงการครองตำแหน่งของนาย Jair Bolsonaro ผู้มีชื่อเสียงเรื่องนโยบายการตัดไม้ทำลายป่า และไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน
ทั้งนี้เองอ้างอิงจากการศึกษาระดับโลกที่ตีพิมพ์ในวารสาร Biological Conservation กว่า 40% ของแมลงหลากสายพันธุ์ในโลกกำลังจะตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ภายในปลายทศวรรษนี้ ในกรณีที่มนุษย์เรายังไม่มีการปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมเกษตรของโลกใหม่แบบยกเครื่อง
ดังนั้น ในปัจจุบันเหล่านักอนุรักษ์จึงได้ออกมาขอร้องให้เหล่าผู้ทำไร่ทำสวน มีส่วนช่วยเหลือธรรมชาติด้วยการปล่อยให้พื้นที่บางส่วนของตัวเองเติบโตตามธรรมชาติ เพื่อที่จะเพิ่มจำนวนดอกไม้ป่าที่มีส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิตของแมลงอย่างผึ้งและผีเสื้อต่อไป
ที่มา independent และ allthatsinteresting
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น