CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

เมื่อคดีปริศนา “Dyatlov” ที่ถูกแช่แข็งมา 62 ปี อาจถูกคลี่คลายด้วยอนิเมชัน Disney !?

บางครั้งเมื่อพลังของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าไปถึงจุดหนึ่ง มันอาจไขความลับในอดีตที่เราไม่เคยรู้ให้เปิดเผยออกมา

ย้อนกลับไปในปี 1959 คดีสะเทือนขวัญสุดลึกลับอย่าง “เหตุการณ์ Dyatlov Pass incident” ได้ถูกพูดถึงไปทั่วโลกเมื่อมีนักปีนเขา 9 คนถูกพบเป็นศพปริศนา ณ ภูเขาทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย

อ่านเรื่องราวเต็มๆ ของคดีนี้ได้ที่นี่: ย้อนรอย คดีการเสียชีวิตปริศนาที่เขาดยัตลอฟ เรื่องลึกลับของโลกที่ยังไขไม่ได้แม้ในปัจจุบัน

 

สิ่งที่ทำให้เกิดความค้างคาใจ คือทางทีมตรวจสอบไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตของคนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังไม่สามารถหาตัวคนร้าย หรือแม้กระทั่งร่องรอยที่เกี่ยวข้อง

และที่สำคัญเอกสารของคดียังหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลให้คดีนี้ถูกปิดไปทั้งที่ยังไม่มีใครทราบว่า “แท้จริงแล้วในวันนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

ความแปลกประหลาดของคดีนี้ยังถูกกล่าวถึงในวงกว้าง เนื่องจากสภาพของศพที่พบแต่ละศพมีความไม่เชื่อมโยงกันหลายอย่าง

เช่น 2 ศพแรกที่พบสวมเพียงชุดชั้นในทั้งที่อากาศหนาวขั้นติดลบ

อีก 3 ศพต่อมาไม่มีร่องรอยของบาดแผล

และอีก 4 ศพที่เหลือถูกฝังอยู่ใต้หิมะที่มีความหนากว่า 4 เมตร แถมยังมีการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีเข้มข้นบนเสื้อผ้าอีกด้วย

 

 

ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการตั้งทฤษฎีสมคบคิดมากมายเพื่อให้อธิบายว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคณะเดินทางผู้โชคร้าย?”

ซึ่งแนวคิดเหล่านี้มีตั้งแต่การถูกโจมตีจากมนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาด เยติ ไปจนถึงการถูกพายุหิมะถล่มจนคนเหล่านี้เสียชีวิต ซึ่งแทบทุกเรื่องที่กล่าวมายังไม่มีใครสามารถหาหลักฐานมาสนับสนุนได้ว่า มันอาจเกิดขึ้นจริงๆ

ทว่าเมื่อไม่นานมานี้เอง ในเนื้อหาหนึ่งของบทความจากวารสาร Communications Earth and Environment ได้จุดชนวนให้คนทั่วโลกหันกลับมาสนใจคดีนี้อีกครั้ง…

 

 

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นักวิจัยและวิศวกรทีมหนึ่งได้ทดลองเอาเทคนิคการสร้างแอนิเมชั่น หรือที่เรียกว่า “Animation Code” มาทดลองสร้างการจำลองหิมะถล่ม  เพื่อพิสูจน์ว่าความรุนแรงของเหตุการณ์ในครั้งนี้จะส่งผลมากขนาดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตได้หรือเปล่า?

ซึ่งเทคนิคนี้ คือเทคนิคเดียวกับที่ใช้ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องดังอย่าง “Frozen” นั่นเอง

 

 

จากการค้นคว้าโดยใช้ข้อมูลลักษณะทางภูมิศาสตร์ของหุบเขา Kholat Syakhl สถานที่เกิดเหตุในอดีต ร่วมกับทฤษฎีการถล่มของหิมะ และข้อมูลต่างๆ ที่ถูกรวบรวมมาเป็นอย่างดี

จนกระทั่งทางทีมวิจัยก็ค้นพบว่า “หากเกิดหิมะถล่มในลักษณะนี้ขึ้นมาจริงๆ มันจะส่งผลรุนแรงขนาดที่สามารถหักกระดูกและกระโหลกของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย”

นั่นหมายความว่า ทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในการคร่าชีวิตของนักเดินทางทั้ง 9 คนของเหตุการณ์ Dyatlov Pass incident นั้นคือหิมะถล่มนั่นเอง

 

 

การค้นพบนี้สร้างความสนใจไปทั่วโลก เพราะนอกจากจะเป็นการไขปริศนาเรื่องลึกลับที่ถูกปิดตายไปนานกว่า 62 ปี

นี่ยังเป็นครั้งแรก ที่เทคโนโลยีในการสร้างแอนิเมชั่นมีบทบาทในการทำงานร่วมกับหลักการทางวิทยาศาสตจนสามารถสร้างข้อพิสูจน์ถึงทฤษฎีที่เราได้แต่ถกเถียงกันมานานกว่าครึ่งศตวรรษ

และไม่แน่ว่าในอนาคต ปริศนาที่ยังคงปิดตายอาจได้รับการพิสูจน์จากเทคโนโลยีที่เราคาดไม่ถึงแบบนี้อีกก็เป็นได้

 

ที่มา: nature ,nationalgeographic


Tags:

Comments

ใส่ความเห็น