CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

หนุ่มเปิดร้านตัดผม ให้เหล่าชายผู้มีบาดแผลในจิตใจมานั่งคุยกัน เบาทั้งใจ เบาทั้งหัว

ปกติแล้วคนเราใช้เวลาในการตัดผมไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงใช่ไหมล่ะ และแน่นอนว่าเหล่าช่างตัดผมเขาก็จะต้องหาเรื่องนั่นนี่มาพูดคุยกับลูกค้าเพื่อไม่ให้เบื่อและเงียบจนเกินไป

ด้วยเหตุนี้ ช่างตัดผมหนุ่มนามว่า Matt Brown จึงเกิดปิ๊งไอเดียในการเปิดร้านทำผมของตนเองขึ้นมา ใช้ชื่อว่า My Father’s Barbers ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์

 

 

จุดประสงค์ของร้านตัดผมนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตัดผมเท่านั้นนะ เพราะเขายังเปิดโอกาสให้ลูกค้ามานั่งระบายความในใจของตนอีกด้วย

Matt ทำอาชีพเป็นช่างตัดผมมานานกว่า 10 ปีแล้ว ไอเดียนี้ผุดขึ้นมาตอนที่เขาตัดผมอยู่ที่เมืองออคแลนด์ เขารู้สึกว่าลูกค้าบางรายไม่ได้เข้ามาแค่เพื่อตัดผม แต่พวกเขายังต้องการการพูดคุยอีกด้วย เขากล่าวว่า

“ผู้ชายเข้ามาไม่ใช่แค่เพื่อตัดผม แต่พวกเขาต้องการการพูดคุย และไม่มีที่ไหนที่ผู้ชายสามารถเปิดใจพูดคุยกันได้นอกจากบนเก้าอี้ตัดผมอีกแล้ว”

 

 

ร้านตัดผมของเขาเป็นเหมือนเซฟโซนของเหล่าคุณผู้ชาย ที่ซึ่งพวกเขาสามารถเปิดใจพูดคุยโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสิน เขาเล่าต่อว่า

 

“เพื่อนผมหลายคนเข้าร่วมแก๊งค์อันธพาล ติดเซ็กส์และยาเสพติด บางคนเคยฆ่าตัวตาย บางคนเคยติดคุก ผมเลยอยากสร้างพื้นที่ให้ผู้ชายสามารถมานั่งคุยกันได้”

 

 

หลังจากที่ Matt เปิดธุรกิจตัดผมจับเข่าคุยได้ไม่นาน มันก็ขยายไปสู่โปรเจกต์ ‘การลดความรุนแรงในครอบครัว’ ทันที

เขาและภรรยาร่วมกันสร้างเครือข่าย “She is not your rehab (เธอไม่ใช่ที่ระบายของคุณ)” ขึ้นมา เพื่อลดความรุนแรงที่เหล่าคุณผู้ชายทำกับครอบครัวของเขา

ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การทำร้ายร่างกายเท่านั้นนะ มันยังหมายถึงการด่าทอและการทำให้คนในครอบครัวรู้สึกไร้ค่าอีกด้วย

 

 

โดยเขาเชื่อว่าคุณผู้ชายที่มีบาดแผลในจิตใจต้องได้รับการพูดคุยและระบายกับคนอื่นๆ  Matt กล่าวว่า

“ผมอยากให้ผู้ชายรับผิดชอบในการฮีลความรู้สึกตัวเอง แทนที่จะเอาบาดแผลเหล่านั้นไปลงกับครอบครัว”

 

ถือว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและอยากให้มีในบ้านเราจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่เพียงร้านตัดผมธรรมดาจะกลายเป็นโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้

 

ลองฟัง TEDx ที่ Matt พูดเกี่ยวกับธุรกิจของเขาได้ด้านล่างนี้เลย

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ

ที่มา: boredpanda

Comments

ใส่ความเห็น