กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งทำให้น่าหวั่นใจกับจำนวนตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน นอกจากจะต้องระแวงคนรอบตัวแล้วยังจะต้องระแวงบุคคลไม่ที่ยอมตรวจหาเชื้อ หรือปกปิดประวัติการเดินทางของตัวเองในช่วงนี้อีก
รายงานข่าวจากสำนัก Chengdu Economic Daily ระบุว่าชายวัย 69 ปี แซ่ Ho ปฏิเสธที่จะเปิดเผยประวัติการเดินทางของตัวเองในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับเข้าใกล้ชิดกับบุคคลอื่นๆ อีกไม่ต่ำกว่า 100 ราย ปรากฎว่าภายหลังผลการตรวจพบว่าเขาติดเชื้อไวรัสโคโรนา
โดยในจำนวนบุคคลที่เข้าใกล้นาย Ho นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ 30 ราย ในช่วงที่ซักถามประวัติว่าเขาเคยไปไหนมาบ้าง ได้ไปอู่ฮั่นหรือเมืองอื่นๆ ในหูเป่ยมารึเปล่า?
ทั้งนี้นาย Ho เป็นชาวเมืองหยาน จากมณฑลเสฉวน ไม่ยอมปริปากบอกความจริงว่าเขาเดินทางไปไหนมา และให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ไปเมืองที่มีการแพร่ระบาดในช่วงนี้
แต่แล้วในวันที่ 31 มกราคม 2020 เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ผลการตรวจไวรัสเป็นบวกนั่นหมายความนาย Ho ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว
ในขณะที่ชายอีกรายหนึ่งจากมณฑลฝูเจี้ยน เพิ่งเดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นเช่นกัน แต่ปกปิดโกหกกับทางเจ้าหน้าที่ด่านตรวจว่าตนเองเพิ่งเดินทางกลับมาจากฟิลิปปินส์ในช่วงปลายเดือนมกราคม (แต่ความจริงคือเพิ่งกลับมาจากอู่ฮั่น)
จากการรายงานของ Central News Agency ระบุว่าเมื่อเขากลับมาถึงฝูเจี้ยน เขาไม่ทำการกักตัวเองแต่กลับไปร่วมงานเลี้ยงฉลองด้วยกันถึง 2 งาน
งานแรกมีแขกเข้าร่วม 3,000 คน ในวันที่ 21 มกราคม 2020 โดยแขกจำนวน 10 คนเป็นชาวไต้หวันที่เข้าร่วมงานนี้ด้วย
วันที่ 23 มกราคม 2020 เขารู้สึกไม่ค่อยสบายจึงไปซื้อยาจากร้านขายยาในท้องถิ่น วันถัดมาเขาก็เข้าร่วมงานแต่งอีกงานที่มีแขกร่วมงาน 1,000 คน
จนกระทั่งวันที่ 28 มกราคม 2020 เขาเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสและผลปรากฎว่าเป็นบวก ซึ่งเป็นช่วงที่ญาติใกล้ตัวทั้ง 7 คนติดเชื้อไวรัสไปด้วยเช่นกัน
สำหรับทั้งสองเคสนี้ทางการจีนกำลังทำการสอบสวนเพิ่มเติมอยู่ พร้อมกับกำชับให้ทุกคนที่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงทั้งสองงาน ไม่ว่าจะเป็นทั้งแขกหรือสตาฟในงาน ให้กักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านในระยะ 14 วันทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีก
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น