บนโลกนี้ยังมีอีกหลายประเทศ ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับผู้ชายเป็นใหญ่ และไม่ให้ผู้หญิงมีสิทธิ์มีเสียงอย่างเช่นคนๆ หนึ่งควรได้รับ จนเกิดเป็นปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัวขึ้น
เช่นเดียวกับในประเทศตุรกี ที่มีจำนวนผู้หญิงถูกฆาตกรรมเพิ่มขึ้นทุกปีจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน ที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกีมีผู้หญิงกว่า 2,600 คนเสียชีวิตจากสาเหตุนี้
ในปี 2017 มีผู้หญิงจำนวน 409 คนเสียชีวิตเพราะถูกสังหารโดยคู่ครอง ในปี 2018 มีจำนวนผู้หญิงกว่า 440 คนต้องจบชีวิตลง และในปี 2019 ก็มีจำนวนผู้หญิงเสียชีวิตกว่า 300 คนเข้าไปแล้วเพราะสาเหตุเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ศิลปิน และนักออกแบบกราฟิกอย่าง Vahit Tuna ได้สร้างผลงานศิลปะขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งขึ้น ในชื่อว่า ‘ISIMSIZ’ เป็นภาษาตุรกี ซึ่งแปลว่า ‘ไร้นาม’
เขานำรองเท้าส้นสูงสีดำของผู้หญิงกว่า 440 คู่ ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับผู้หญิงที่ถูกฆ่าโดยคู่ครอง จากปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในปี 2018 นำมาติดตั้งรอบตึกในเมืองหลวง
.
ผลงานของเขามีจุดมุ่งหมาย เพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณชนให้รับรู้ถึงปัญหานี้มากขึ้น ว่าความไม่เท่าเทียมของผู้หญิงและผู้ชายนำมาซึ่งความโศกเศร้า และเกิดเป็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัวจนต้องมีผู้หญิงเสียชีวิต
Vahit เห็นว่ามันเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญ ไม่ควรเพิกเฉยต่อการกระทำดังกล่าวอีกต่อไป และเพื่อระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงนี้เช่นกัน
อีกทั้งการใช้รองเท้ายังสื่อถึงธรรมเนียมของประเทศตุรกีด้วย ที่มักจะทิ้งรองเท้าของผู้ที่เสียชีวิตในครอบครัวไว้นอกบ้าน
แม้รองเท้าที่เขาเลือกใช้ จะไม่ใช่รองเท้าของผู้หญิงที่เสียชีวิตโดยตรง แต่เขาก็เจาะจงเลือกรองเท้าส้นสูงสีดำเพื่อสื่อถึงผู้หญิงที่มีงานทำ มีอิสระและความท้าทาย โดยผสมผสานอำนาจ และหน้าที่ของผู้หญิงเข้าด้วยกัน
อีกทั้งยังสื่อให้เห็นว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่ผู้หญิงถูกเป็นเหยื่อนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัว และเขาเองก็เสียใจที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระแบบที่ตัวเองต้องการ
“เราต้องการให้คนที่เดินผ่านไปมาได้เห็น และสร้างความตระหนักว่ามีผู้หญิงถูกฆ่าไปมากเท่าไหร่ในกรุงอิสตันบูล และผลงานชิ้นนี้จะถูกตั้งโชว์เป็นเวลา 6 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไป”
ทั้ง 2 ตึกที่แสดงผลงานตั้งอยู่บริเวณย่าน Kabataş และ Beyoğlu โดยผลงานชิ้นนี้จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2019 ไปจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2020
เรียบเรียงโดย #เหมียวเมษา
ที่มา: ahvalnews, hurriyetdailynews, metro & boredpanda
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น