หากใครที่ติดตามวงการแฟชั่นของต่างประเทศมาตลอด ก็อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับหนุ่มสุดมั่นอย่าง Jonathan Van Ness กันพอสมควร
ในวงการแฟชั่นและวงการภาพยนตร์ เขาเป็นช่างทำผมผู้มีความสามารถ อีกทั้งยังเป็นผู้ดำเนินรายการพอดคาสต์อีกด้วย
แต่บทบาทในวงการบันเทิงที่ทำให้บ้านเรารู้จักกับ Jonathan มากขึ้น ก็คือรายการเรียลลิตี้โชว์ Queer Eye จากทาง Netflix ที่เขาได้มีโอกาสร่วมเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า The Fab Five ของรายการนี้
Queer Eye เป็นรายการเรียลลิตี้โชว์แนวเมคโอเวอร์ ที่จะให้คนทางบ้านเสนอว่าอยากให้รายการพาผู้เชี่ยวชาญคนไหนไปเปลี่ยนแปลงใคร และแน่นอนว่า Jonathan รับหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทรงผมและหนวดเครา
เราจะเห็นว่า Jonathan เป็นชายหนุ่มที่แสนจะมั่นใจในตัวเองและเป็นไอดอลของใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่าเขาคนนี้มีบาดแผลในจิตใจที่เราไม่เคยทราบมาก่อนเลย…
เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เข้าให้สัมภาษณ์กับทาง New York Times ก่อนที่หนังสือ Over The Top ของเขาจะวางขายในวันที่ 24 กันยายนนี้ ซึ่งเขาเปิดเผยเรื่องราวที่พอเราได้ยินแล้วก็ต่างช็อคกันไปตามๆ กัน
“ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเป็น HIV เมื่อตอนอายุ 25 ปี”
ใช่ค่ะทุกคน…เขาเปิดเผยว่าตนเองติดเชื้อ HIV มานานถึง 7 ปี
นอกจากนี้ เขายังได้เปิดเผยบาดแผลภายในใจของเขาให้เราได้ฟังกัน เพื่อส่งมอบกำลังใจให้กับใครก็ตามที่กำลังเผชิญกับเหตุการณ์เดียวกับเขา
“สำหรับใครก็ตามที่เคยถูกข่มขืนมาในตอนเด็กๆ ก็จะทราบว่าเรามีบาดแผลในใจมากมายแค่ไหน”
เขาถูกล่วงละเมิดทางเพศจากผู้ชายคนหนึ่งในโบสถ์แถวบ้านเขา บาดแผลในจิตใจนี้นำไปสู่การ ‘ทำลายชีวิตตัวเอง’ ทันทีเมื่อเขาเป็นวัยรุ่น
ช่วงเวลาวัยรุ่น เขาใช้ชีวิตไปอย่างเสเพล เริ่มเสพติดเซ็กส์ด้วยการนัดมีเซ็กส์ทางออนไลน์กับชายแปลกหน้า พอเขาเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 เขาก็เริ่มใช้เซ็กส์เพื่อแลกเงินบนเว็บ Gay.com เพื่อซื้อโคเคนเสพ
ไม่นาน Jonathan ก็ดรอปเรียนมหาวิทยาลัยและเดินตามความชอบของตนเองด้วยการไปเรียนด้านความงามเป็นเวลา 11 เดือน จากนั้นก็เริ่มทำงานในร้านทำผม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงอายุ 20 ปีของเขา ต้องเผชิญกับปัญหาติดยาเสพติดอย่างหนัก จนต้องเข้ารับบำบัดยาเสพติดถึง 2 ครั้ง แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผลมากเท่าไรนัก
จนเมื่อเขาอายุ 25 ปี เขาก็ได้รับรู้ข่าวที่น่าตกใจที่สุดในชีวิต เขาเกิดเป็นลมขณะทำผมให้ลูกค้า จึงไปตรวจร่างกายและผลเลือดออกมาเป็นบวก
“วันนั้นมันเหมือนทุกอย่างพังลงมาหมดเลย”
เมื่อเขาทราบผลเลือดของตน เขาจึงหยุดใช้ยาเสพติดและเปลี่ยนตัวเองในที่สุด…
ในช่วงที่เรียลลิตี้โชว์ Queer Eye ปล่อยออกมา เขาเริ่มคิดหนักว่าจะเปิดเผยสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ดีหรือไม่ สุดท้ายเขาก็คิดได้ว่า
“การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สนับสนุนกลุ่ม LGBTQ เลย ผมเลยรู้สึกว่าต้องออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะ”
แม้ว่าตนเองจะต้องเผชิญหน้ากับโรคที่หลายคนในสังคมยังไม่ค่อยยอมรับ แต่เขาก็รักและไม่เคยอายที่ตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคน HIV
ในตอนนี้เขามีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง แล้วหวังว่าตนเองจะสามารถสร้างความเข้าใจให้กับคนในสังคมได้ไม่มากก็น้อย…
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น