เมื่อกลางดึกวันที่ 5 เมษายน 2020 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงในเขต Leicestershire ประเทศอังกฤษ พวกเขาได้หยุดรถยนต์คันหนึ่งที่ขับมาด้วยความเร็วประมาณเกือบ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เหตุผลที่เจ้าหน้าที่หยุดรถคันดังกล่าวนั้น หนึ่งก็เป็นเพราะความเร็วเกินกำหนด และสองคือชายคนดังกล่าว (ไม่ระบุชื่อ) ได้ขับรถออกมาบนถนนใหญ่ในช่วงเวลาของการกักตัว
โดยรถคันนั้นกำลังมุ่งหน้าไปเมืองนอตติงแฮม
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูจึงพบว่าเขายังพาลูกๆ ตัวน้อยอีก 2 คนเดินทางมาด้วย ซึ่งจากการสอบถามตำรวจจึงได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุนั้นกำลังเดินทางกลับไปบ้านที่อยู่ในเมืองนอตติงแฮม หลังจากที่เขาเพิ่งเดินทางไปกรุงลอนดอนมา
งานนี้คดีเลยยิ่งบานปลายยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากเขาจะฝ่าฝืนมาตรการกักตัวแล้ว เขาถึงขั้นเพิ่งเดินทางข้ามเมืองด้วยระยะทางไปกลับที่ไกลกว่า 240 ไมล์ (ราว 386 กิโลเมตร) เลยด้วย
ที่ร้ายกว่านั้น พอเจ้าหน้าที่ตำรวจถามว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องเดินทางไปกลับไกลขนาดนี้? คำตอบที่ได้ก็คือ…
“ผมไปซื้อขนมปังที่กรุงลอนดอน เพราะมันราคาถูกกว่าแถวบ้านผมตั้ง 1 ปอนด์ (ราว 40บาท)”
Just stopped a car doing 110mph on the M1 north. The purpose of the journey from Nottingham? To buy bread in London because it was £1 cheaper. He also had his 2 young children in the car! Reported to court. #thatcouldcostsomedough #StayAtHomeSaveLives pic.twitter.com/LX4TmEM4i5
— Leicestershire Roads Policing Unit (RPU) (@LeicsPoliceRPU) April 5, 2020
ได้ยินคำตอบแบบนี้แล้วตำรวจก็สบายใจ เลยปล่อยเขากลับบ้านไปแต่โดยดี…. ถ้าเรื่องราวมันจบแบบนั้นก็คงไม่ใช่ชีวิตจริงแล้วล่ะนะ เพราะอย่างที่เห็นว่างานนี้ผู้ก่อเหตุคือผิดแบบเต็มประตูเลย
ท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มก็ได้กลับบ้านไป พร้อมกับรอฟังคำตัดสินจากศาลว่าเขาจะต้องถูกปรับเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่จากความผิดทั้งหมดนี้
แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าอย่างน้อยแค่ความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรการกักตัวนี่ก็โดนปรับไม่ต่ำกว่า 60 ปอนด์ (ราว 2,415 บาท) แล้ว ฟังดูไม่คุ้มค่ากับที่ได้ซื้อขนมปังราคาถูกกว่าแค่ 1 ปอนด์เลยจริงๆ
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: Leicestershire Roads Policing Unit (RPU) , BBC , LadBible
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น