CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

นักอนุรักษ์ชี้ นกทะเลที่เกาะโกฟกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์ หลังถูกหนูต่างถิ่นบุกกัดกินทั้งเป็น

คำเตือน บทความนี้อาจมีภาพที่ค่อนข้างรุนแรงโปรดใช้วิจารณญาณในการชม

 

สำหรับนักอนุรักษ์ ในพื้นที่เกาะโกฟ แหล่งมรดกโลกแห่งแอตแลนติกตอนใต้ พวกเขาไม่ได้มีปัญหาเพียงแค่กับภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง และภาวะโลกร้อนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงปัญหาที่ไม่น่าเชื่อ ซึ่งเกิดจากหนูในพื้นที่อีกด้วย

 

 

นั่นเพราะแตกต่างไปจากหนูตามบ้านของผู้คนที่เราอาจจะรู้จักกันดี หนูที่เกาะโกฟนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้าย ถึงขนาดที่ว่าพวกมันบุกเข้าโจมตีนกท้องถิ่นอย่าง “อัลบาทรอส” และกัดกินพวกมันทั้งเป็นเลยทีเดียว

 

 

อ้างอิงจาก ราชสมาคมเพื่อการคุ้มครองนกของอังกฤษ (RSPB) การที่หนูโจมตีนกบนเกาะนั้น เกิดขึ้นมาเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงหลังๆ มาความถี่ของเหตุการณ์นี้ ได้เพิ่มขึ้นจนน่าเป็นห่วง เพราะจากที่หนูจะโจมตีแค่ลูกนก ในปัจจุบันพวกมันได้เริ่มกัดกินแม้แต่นกอัลบาทรอสที่โตเต็มวัยแล้วด้วย

 

 

พวกเขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหนูที่โจมตีนกเหล่านี้ เป็นหนูบ้านสายพันธุ์ Mus musculus ซึ่งเดิมทีแล้วไม่ใช่สัตว์ในพื้นที่เอง แต่ติดมากับเรือของมนุษย์ในช่วงปี 1700

ซึ่งด้วยความที่พวกมันเป็นสัตว์ต่างถิ่นเช่นนี้เอง ก็ทำให้พวกมันสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วมาก และทำให้นกทะเลในท้องถิ่นอย่างนกทริสทันอัลบาทรอส (Diomedea dabbenena) มีจำนวนลดลงไปจนเกือบสูญพันธุ์

 

 

โดยในปี 2018 ทาง RSPB ได้พบว่าหนูต่างถิ่นเหล่านี้ ทำให้ประชากรลูกนกและไข่ของนกอัลบาทรอสลดลงโดยเฉลี่ยถึง 2 ล้านหน่วยต่อปีเลย

นี่นับว่าเป็นสถานการณ์ที่อันตรายต่อนกอัลบาทรอสบนของโลกเป็นอย่างมาก เพราะในปัจจุบันนกทริสทันอัลบาทรอสกว่า 99% ของโลกนั้น ล้วนแต่มาจากเกาะโกฟ ทั้งสิ้น

 

 

ดังนั้นทาง RSPB จึงได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่จะกำจัดหนูบนเกาะด้วยการวางยาพิษแบบพิเศษที่ส่งผลเฉพาะกับสัตว์ฟันแทะแบบหนูเท่านั้น ภายในปี 2020 ที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตามวิธีการนี้เอง ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่จำเป็นจะต้องให้งบประมาณมากกว่าที่คิด ดังนั้นทาง RSPB จึงได้ตัดสินใจเปิดรับบริจาคเงิน เพื่อดำเนินโครงการนี้ ซึ่งหากเพื่อนๆ สนใจช่วยเหลือลูกนกอัลบาทรอสบนเกาะ เพื่อนๆ ก็สามารถเข้าไปร่วมบริจาคเงินกันได้ ที่นี่

 

 

ที่มา goughisland, livescience และ smithsonianmag


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น