กำลังกลายเป็นประเด็นดราม่าที่ได้รับความสนใจอยู่ในโลกโซเชียล ณ ตอนนี้เลย กับประเด็นเรื่องของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาโพสต์ระบายความอัดอั้นตันใจ จากการเปิดร้านและถูกร้านข้างรบกวนรังควานมาตลอด 8 เดือน
หลังจากที่โพสต์ไปแล้วก็มีการโต้ตอบจากฝั่งตรงข้ามเป็นคลิปเหตุการณ์ คล้ายจะบอกว่าฝั่งคนโพสต์เองก็ใช่ย่อย แต่ก็ต้องลบโพสต์หนีไป เรื่องราวเป็นมาอย่างไร เราจะมาสรุปให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจง่ายๆ ใน 10 ข้อ ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านได้เลย…
1. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า กันตพัฒน์ ธนาหิรัณยพงษ์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก เป็นรูปภาพและข้อความ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเปิดเผยว่าน้องชายของเขาเก็บเงินมาเซ้งร้านในจังหวัดพิษณุโลก จากนั้นก็ปรับปรุงร้าน และพัฒนาร้านเพื่อขายของ โดยร้านจะขายอาหารและนมเป็นหลัก
2. ตอนได้ร้านมาใหม่น้องชายดีใจมาก ได้ทำการปรับปรุงทั้งรสชาติอาหาร และสภาพร้านให้ดียิ่งขึ้น พอเปิดร้านไปได้สักพัก ก็เริ่มมีปัญหาขึ้นมา โดยปัญหานี้เกิดจาก “ร้านข้างๆ”
3. จุดเริ่มต้นก็คือ ร้านของเจ้าของโพสต์ได้เอาถังน้ำแข็งไปวางไว้ตรงจุดที่ติดกับฝั่งร้านข้างๆ ที่มีปัญหากัน แล้วเมื่อน้ำแข็งละลาย น้ำก็เลยไปที่ฝั่งของร้านดังกล่าว เลยโดนสั่งให้ไปจัดการ ด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่
ภาพประกอบจากโพสต์
4. ทางฝั่งน้องชายของเจ้าของโพสต์ ก็ตอบไปว่าจะจัดการให้ โดยเจ้าของโพสต์อ้างว่าพูดด้วยคำพูดสุภาพ และไม่ได้ใส่อารมณ์ แต่ก็โดนเจ้าของร้านข้างๆ ด่าด้วยคำพูดที่รุนแรง ทั้งคำว่า เหี้* และมึง กู มาเต็ม
5. หลังจากเหตุการณ์นี้จบไป ทางฝั่งเจ้าของร้านข้างๆ ก็เริ่มตะโกนด่าคนในครอบครัวของเจ้าของโพสต์ทุกครั้งที่เดินผ่าน หรือเดินเข้ามาในร้าน ว่า ตอแหล, อีด*ก เป็นประจำทุกวัน ซึ่งฝั่งเจ้าของโพสต์อ้างว่าไม่เคยตอบโต้สักครั้ง
แต่ก็ได้มีการแก้ปัญหาด้วยการไปบอกพ่อของเจ้าของร้านข้างๆ แจ้งถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่แทนที่จะไปจัดการแก้ปัญหาให้ กลับไปให้ท้ายซะอีกต่างหาก
พอเกิดเรื่องนี้ การรังควานก็แรงขึ้นเรื่อยๆ มีการขู่คุกคามเด็กเสิร์ฟของเจ้าของร้าน รวมไปถึงให้เด็กเสิร์ฟของร้านตัวเองเข้ามาเรียกลูกค้าถึงกลางร้านของเจ้าของโพสต์ บ้างก็ให้มาเดินขวาง
6. ฝั่งเจ้าของร้านยังคงอดทนต่อมาเรื่อยๆ จนมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พวกเขาทนไม่ไหว ก็คือคุณแม่ของเขากระโดดลงมาจากรถกระบะซึ่งรถมีลักษณะที่สูงจากพื้น
จังหวะที่กระโดดลงจากรถ ก็ปรากฎว่าเสียงรองเท้ามันดังเพราะไปกระทบกับพื้น ฝั่งเจ้าของร้านข้างๆ ก็เลยด่าคุณแม่ของเจ้าของโพสต์ว่า “แก่จะตายห่*อยู่แล้วยังมากระทืบเท้าใส่กูอีก”
เจ้าของโพสต์เล่าต่อว่าคุณแม่ก็พยายามจะอธิบาย ว่าไม่ได้กระทืบ เจ้าของร้านก็เลยตบโต๊ะ และมีการด่ากันเสียงดังโวยวาย จนเรื่องไปจบที่สถานีตำรวจ แต่ก็ไม่ได้แจ้งความอะไร
7. หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ความขัดแย้งก็เหมือนจะจบลง แต่ทว่าพอเดินผ่านร้านก็ยังคงโดนคุกคามอยู่เรื่อย มีทั้ง “ไอ้ควาย” ด่าว่า “แม่มึ*อ่ะตอแหละ” ให้สามีของตัวเองมาขู่คุกคามต่างๆ นานา
มีการท้าต่อยกันตัวต่อตัว พอฝ่ายเจ้าของโพสต์ถามว่าถ้าต่อยแล้วจะจบมั้ย? ก็ตอบกลับมาว่าไม่จบ พร้อมบอกให้ระวังตัวเอาไว้
8. ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์คุกคามแบบนี้ ฝั่งเจ้าของโพสต์เล่าว่าพยายามจะถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้ แต่พอถ่ายก็จะพูดเบาลง พออยู่ต่อหน้าตำรวจก็จะเปลี่ยนไปพูดดีมาก จนไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เจ้าของโพสต์เผยว่าเหมือนกับคู่กรณีพยายามยั่วยุให้ฝ่ายเจ้าของโพสต์ลงมือ เพื่อที่จะแจ้งความเอาผิดให้ได้ ทุกวันนี้ครอบครัวเครียดมาก กฎหมายเล่นงานอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่ต้องทนกับเหตุการณ์เหล่านี้มานานกว่า 8 เดือนแล้ว จึงได้โพสต์ขอความช่วยเหลือ
อ่านโพสต์แบบเต็มๆ ได้ที่นี่
9. หลังจากโพสต์นี้กลายเป็นประเด็น ก็ทำให้มีชาวเน็ตหลายคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก มีการแชร์ไปมากกว่า 4,500 ครั้ง ในระยะเวลาไม่นาน
หลังจากที่กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ไม่นานฝ่ายร้านข้างๆ ที่ถูกกล่าวอ้าง ก็ออกมาแสดงตัว พร้อมกับโพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เผยให้เห็นว่าฝ่ายเจ้าของโพสต์เป็นคนไปด่า และสร้างความรุนแรง เหมือนจะบอกว่าฝ่ายตัวเองก็ถูกคุกคามเช่นเดียวกัน
แต่ก็โดนชาวเน็ตเข้าไปถล่มรัวๆ จนท้ายที่สุดก็ต้องลบโพสต์ออกไป
10. ทางฝั่งของเจ้าของโพสต์เห็นดังนั้น ก็เลยโพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์เดียวกัน แบบเต็มๆ ลงไป ซึ่งพอดูแล้วก็พบว่าตรงกับที่เล่าวไว้ในโพสต์แบบเป๊ะๆ (เหตุการณ์ในข้อ 6 คือตอนตบโต๊ะ และมีการด่าทอกันระหว่างสองฝ่าย)
คลิปวิดีโอที่เป็นประเด็น
ปล. เจ้าของโพสต์ระบุว่าเจ้าของร้านคนเก่าเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน
เหตุการณ์ทั้งหมดก็ประมาณนี้ ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเพิ่มเติม และหากมีเราจะรีบมาอัปเดตให้เพื่อนๆ ได้รับทราบโดยทั่วกันครับ
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น