ประเด็นการเสียชีวิตของ George Floyd ชายผิวสีที่ถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอจนขาดอากาศหายใจยังคงเป็นประเด็นร้อนในต่างประเทศในตอนนี้ค่ะ
ซึ่งประเด็นมันลุกลามถึงขนาดที่มีผู้คนออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิให้คนผิวสี ไปจนถึงการฉวยโอกาสปล้นร้านค้าต่างๆ เรียกได้ว่าทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่กำลังวุ่นวายกับสถานการณ์เหล่านี้กันสุดๆ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาก็มีเหล่าดาราคนดังและผู้คนต่างออกมาติดแฮชแท็กและร่วมลงชื่อเพื่อทวงความยุติธรรมให้ฟลอยด์ใช่ไหมล่ะ แน่นอนค่ะว่างานนี้แบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง Nike เขาไม่มีวันพลาดเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว
เพราะล่าสุดทางแบรนด์ได้ออกมาประกาศแคมเปญใหม่จากสโลแกนเดิม ‘Just Do It’ สู่ ‘For Once, Don’t Do It’ เพื่อปลุกกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวผ่านกรณีของฟอลยด์
เรียกได้ว่าสโลแกนใหม่นี้มีความหมายตรงข้ามกับ Just Do It ที่สนับสนุนให้ผู้คนทำสิ่งที่ตนเองเชื่ออย่างสิ้นเชิง
โดย Don’t Do It ในที่นี้คือการออกมาประกาศให้สังคมว่าอย่ากระทำหรืออย่านิ่งเฉยต่อการเหยียดสีผิวและความรุนแรงที่เกิดขึ้น แม้ไม่เกี่ยวกับตนเองก็ตาม บนวิดีโอของ Nike ได้กล่าวไว้ว่า
https://www.instagram.com/p/CAygJoHABcX/?utm_source=ig_embed
“แค่ครั้งเดียวที่อย่าทำมัน…
อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าไม่มีปัญหาปัญหาอะไรในอเมริกา
อย่าหันหลังให้กับการเหยียดเชื้อชาติ อย่ายอมรับที่ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ถูกพรากจากไป
อย่ามีคำแก้ตัวใดๆ อย่าคิดว่านี่มันไม่กระทบต่อตัวของคุณ
อย่านั่งหันหลังและนิ่งเงียบ อย่าคิดว่าคุณไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง…
และมาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงกันเถอะ”
เรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของแบรนด์ Nike เลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ทางแบรนด์เคยนำเอา Colin Kaepernick นักอเมริกาฟุตบอลที่คุกเข่าขณะเพลงชาติอเมริกาขึ้นก่อนเริ่มแข่งขันในปี 2016
มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแคมเปญฉลองครบรอบ 30 ปีของ Nike ในปี 2018 ภายใต้ชื่อ “Believe in something. Even if it means sacrificing everything”
สิ่งที่ Colin ทำในปี 2016 เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าตนต่อต้านความรุนแรงที่ตำรวจมีต่อคนผิวสีในปีนั้น ส่งผลให้เขาต้องจบอาชีพนักกีฬาและไม่มีใครสนับสนุนเขา เพราะมีคนเริ่มต่อต้านคิดว่าเขาชังชาติ
แต่ Nike นี่แหละที่ยืนหยัดเคียงข้าง Colin และสนับสนุนเขา พาเขาออกสื่อมาตลอดจนทำให้ช่วงปี 2018 หุ้นของ Nike ร่วงฮวบลง 3%
แต่ทว่ายอดขายของ Nike กลับทะยานขึ้นสูงอีกครั้งหลังจากนั้นมากถึง 31% เพราะมีคนรุ่นใหม่ชื่นชอบสิ่งที่ Nike ยืนหยัดมาตลอดเวลา
และแน่นอนค่ะว่าครั้งนี้ Nike เขากลับมาผงาดอีกครั้งกับแคมเปญนี้ เราต้องมารอชมกันว่าจะผลของแคมเปญนี้จะเป็นอย่างไร…
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: cnn
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น