CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

ศูนย์มะเร็งสหรัฐฯ เผย มีผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด เหตุพยาบาลเจือน้ำใส่ยาโอปิออยด์

ในเวลาที่เราเข้ารักษาตัวในสถานพยาบาล เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงหวังที่จะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ไม่ใช่ล้มป่วยหนักขึ้นกว่าเดิม…

แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสถานพยาบาลแห่งหนึ่งพบว่าคนไข้โรคมะเร็งของพวกเขานั้น มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดเนื่องจากนางพยาบาลแอบเจือจางยาโอปิออยด์ด้วยน้ำประปา

 

 

เรื่องราวดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ในวารสาร The New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2019

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในฤดูร้อนปี 2018 เมื่อศูนย์มะเร็งแบบครบวงจร Roswell Park ในนิวยอร์กพบว่าคนไข้โรคมะเร็งจำนวนหกราย มีอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย Sphingomonas paucimobilis

ซึ่งปกติแล้วจะพบได้ในดินหรือน้ำ และจะไม่เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ง่ายๆ แม้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

 

ศูนย์มะเร็งแบบครบวงจร Roswell Park ที่เกิดเหตุ

 

คนไข้ทั้งหกคนนั้นได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในทันที อย่างไรก็ตามด้วยการติดเชื้อในลักษณะที่ผิดปกติมากๆ ทางศูนย์จึงได้ตัดสินใจหาต้นสายปลายเหตุของเหตุการณ์

ในการตรวจสอบครั้งนั้น พวกเขาพบว่ายาไฮโดรมอร์โฟน หนึ่งในกลุ่มยาโอปิออยด์ของสถานพยาบาลนั้นมีร่องรอยของการปนเปื้อน S. paucimobilis แถมยังไม่ใช่แค่หลอดสองหลอดอีกด้วย

 

แบคทีเรีย Sphingomonas paucimobilis

 

พวกเขาพบว่ายาเหล่านี้นั้น มีประวัติถูกเข้าใช้แบบ “ซ้ำๆ และไม่เหมาะสม” จากนางพยาบาลชื่อ Kelsey Mulvey ภายหลังทราบว่ามีการลักลอบนำยาไปใช้ และปริมาณยาที่หายไปถูกแทนที่ด้วยน้ำประปาผสมลงไปแทน

ทางศูนย์ตัดสินใจไล่นางพยาบาลคนดังกล่าวออกทันที ก่อนที่พวกเขาจะต้องทำการตรวจสอบผู้ป่วยทั้งหมดที่เข้าข่ายสุมเสี่ยงที่จะติดเชื้ออีกครั้ง และส่งเรื่องร้องเรียนกับศาลต่อไป

อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศดูเหมือนว่านางพยาบาลผู้ก่อเหตุนั้น จะมีอาการติดสารเสพติดอย่างหนัก ดังนั้นเธอจึงใช้ตำแหน่งของตัวเอง ในการลักลอบนำยาไปเสพ โดยที่ไม่สนใจเลยว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนขนาดไหน

 

 

ทั้งนี้เองตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นทางศูนย์มะเร็งก็ได้มีการปรับปรุงมาตรการครั้งใหญ่เพื่อรับมือการลักลอบขโมยยาที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต

ส่วนอดีตนางพยาบาลผู้ก่อเหตุนั้น จะต้องมีการเข้ารับโทษจำคุก 10 ปี และปรับเป็นเงินอีกราวๆ 7.68 ล้านบาท จากคดีที่ตัวเองก่อเอาไว้

 

ที่มา livescience, beckershospitalreview และ medscape


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น