CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

ชม 15 แฟชั่นแปลกจากในอดีต ที่เห็นแล้วได้แต่สงสัย ว่าเราเคยนิยมของแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน?

มันเป็นเรื่องที่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบัน มนุษย์เรานั้นก็วิ่งตามหาความงดงามและแฟชั่นอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันแฟชั่นของเราก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน

ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เมื่อเวลาผ่านไป หากเรากลับมามองแฟชั่นในอดีต บ่อยครั้งเราก็ได้แต่สงสัยว่าคนสมัยก่อนชอบแฟชั่นแปลกๆ หรือบางครั้งก็อันตรายเหล่านั้น ไปได้อย่างไร

ไม่เชื่อก็ลองชมเรื่องราวของแฟชั่นที่เคยดังในอดีตทั้ง 15 อย่างต่อไปนี้ดูสิ แล้วคุณจะเข้าใจ

 

แฟชั่น “รองเท้าดอกบัว” ของจีน

นี่คือแฟชั่นที่เรียกว่ามาพร้อมความเจ็บปวดเลยก็ว่าได้ เพราะคนที่จะใส่รองเท้านี้ได้ จะต้องผ่านประเพณี “รัดเท้า” ตั้งแต่ยังเด็กๆ เพื่อให้กระดูกและเท้าเล็กผิดรูปไปตลอดชีวิต แบบที่รู้จักกันในชื่อ “เท้าดอกบัว” นั่นเอง

 

แฟชั่น “หัวเถิก” จากยุคเรอเนซ็องส์

นี่คือแฟชั่นความงามที่ผู้หญิงจะอยากมีหน้าผากโค้งขนาดใหญ่ โดยในสมัยนั้นสาวๆ บางคนก็ถึงกับจงใจดึงแนวผมตัวเองไปด้านหลัง เพื่อให้หัวเถิกกันเลย

 

แฟชั่น “ชุดสารหนู” ของยุโรปยุควิคตอเรีย

นี่คือแฟชั่นที่เกิดจากความไม่รู้เป็นหลัก เพราะในยุควิกตอเรีย วัตถุที่เป็นสีเขียวส่วนใหญ่จะถูกผลิตขึ้นจากการย้อมผ้าด้วยสารหนู ซึ่งแน่นอนว่าเป็นพิษ และทำให้สาวๆ มากมายล้มป่วยจากการใส่ชุดสีเขียวไป

 

แฟชั่น “ผมมักกะโรนี” จาก ชนชั้นสูงของอังกฤษช่วงปี 1760

นี่คือแฟชั่นที่ชายอังกฤษโบราณจะใส่วิกซึ่งมีหมวกหรือขนนกประดับ และมักมีผมม้วนๆ ข้างๆ เพื่อ “เพิ่มพูนความเข้าใจทางวัฒนธรรม” โดยชื่อมองแฟชั่นนี้ก็แน่นอนว่าได้มาจากมักกะโรนีที่เป็นอาหารของชาวอิตาเลียนนั่นเอง

 

แฟชั่นรองเท้า “พัวเลนซ์” จากยุโรปศตวรรษที่ 14

นี่คือรองเท้าแปลกๆ ที่มีปลายเท้ายาว (บางครั้งก็อาจจะยาวได้ถึง 30 เซนติเมตรเลย) โดยมันเป็นแฟชั่นที่เกิดขึ้นจากความเชื่อเรื่องผู้ชายควรจะมีเท้าใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันความยาวของมันก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยๆ เช่นกัน

 

แฟชั่น “Pannier” หรือกระโปรงสุ่มไก่จากช่วงศตวรรษที่ 17-18

นี่คือกระโปรงที่ออกแบบมาให้มีโครงเสริมอยู่ข้างใต้ ซึ่งออกแบบมาให้กระโปรงบานออกในรูปแบบที่ต่างๆ กัน และเคยเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในตลาดชนชั้นสูง แม้ว่ามันจะใส่ยากสุดๆ แถมยังใส่แล้วเคลื่อนไหวไม่สะดวกด้วย

 

แฟชั่นทาฟันสีดำจากญี่ปุ่นโบราณ

นี่คือประเพณีที่สาวญี่ปุ่นจะทาฟันเป็นสีดำเมื่อตัวเองแต่งงานแล้ว ซึ่งเดิมทีแล้วเป็นการทำเพื่อแสดงความจริงใจและมุ่งมั่นในการสมรส อย่างไรก็ตามในช่วงศตวรรษที่ 19 มันก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความงามไปช่วงหนึ่งเช่นกัน

 

แฟชั่นใส่วิกผมประหลาดจากช่วงยุค Georgian (ประมาณปี 1714-1830)

นี่คือช่วงเวลาที่คนมีฐานะจะใส่วิกผมซึ่งยัดไส้ด้วยขนสัตว์และขึ้นรูปเป็นรูปต่างๆ ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนก็คงจะไม่พ้น ทรงผมของมารี อ็องตัวแน็ต ที่ทำเป็นรูปเป็นเรือทั้งลำเลยนั่นเอง

 

แฟชั่น “Codpieces” ปลอกสวมอวัยวะเพศจาก ยุโรปศตวรรษที่ 15-16

Codpieces คืออุปกรณ์ที่มักจะทำจากผ้าหรือเหล็กที่สวมไว้แถวๆ เอวผู้ชายเพื่อเน้นจุดสำคัญให้สามารถเห็นได้เด่นชัดเพื่อโชว์ความเป็นชาย และบางครั้งก็ถึงกับเอาไปติดอยู่กับชุดเกราะเลย

 

แฟชั่นการดัดรูปร่างกะโหลกศีรษะของชาวมายา

ทำได้โดยการใช้เครื่องมืออย่างผ้าหรือแผ่นไม้กดศีรษะของทารกตั้งแต่ยังเด็ก จนทำให้หัวเด็กมีรูปร่างเปลี่ยนไป เชื่อกันว่าเป็นเทรนด์ความงามในช่วง 1000 ปีก่อนคริสตกาล

 

แฟชั่นกระโปรงฮ็อบบี้จากศตวรรษที่ 19

นี่คือกระโปรงที่ออกแบบมาให้รัดขาช่วงหน้าแข้งของผู้ใส่ จนทำให้เดินไม่สะดวก ออกแบบเพราะว่าการเดินเขย่งโดดดึ๋งๆ มันดูน่ารัก อย่างไรก็ตามกระโปรงดังกล่าวก็ทำให้คนหกล้มกันเป็นว่าเล่น จนเสื่อมความนิยมไปอย่างรวดเร็ว

 

แฟชั่นชุดคอร์เซ็ทจากยุควิกตอเรีย

แม้ว่าในปัจจุบันเราจะยังพอหาชุดคอร์เซ็ทกันได้อยู่ แต่ในสมัยวิกตอเรียชุดคอร์เซ็ท จะต้องรัดเอวจนเอวคอดมากๆ ซึ่งทำให้บางครั้งมันก็รัดมากจนเกินไปจนซี่โครงหัก หรือเครื่องในเคลื่อนกันเลย

 

แฟชั่น Regency หรือชุดเปียกแนบเนื้อ จากปลายศตวรรษที่ 18

นี่คือแฟชั่นที่เป็นที่นิยมในเวลาสั้นๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นชุดคลุมสีเทาคล้ายที่ชาวกรีกใช้ แต่มีการนำไปทำให้เปียกก่อนใส่เพื่อให้ชุดแนบเนื้อโชว์ส่วนโค้งเว้า และเคยเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงจำนวนมากในสมัยนั้นป่วยเป็นโรคปอดบวมนั่นเอง

 

แฟชั่นโชว์น่องของผู้ชายยุคกลาง

ในสมัยนี้การโชว์น่องของผู้ชายจะมีลักษณะคล้ายๆ การโชว์กล้ามในปัจจุบัน ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก ที่เราจะเห็นผู้ชายจากชนชั้นสูงใส่ถุงน่องเดินไปเดินมากัน

 

และแฟชั่นชุดทำอกแบนจากช่วงศตวรรษที่ 20

ในช่วงสั้นๆ ของยุค ผู้คนจะชอบผู้หญิงรูปร่างเป็นไม้กระดานแทนที่จะเป็นคนมีทรวดทรง ดังนั้นจึงมีบริษัทเสื้อผ้าจำนวนมาก พยายามออกแบบชุดที่ช่วยให้ผู้ใส่อกเล็กลง เรียกได้ว่าตรงข้ามกับในปัจจุบันโดยสิ้นเชิงเลยก็ไม่ผิด

 

ที่มา ranker


Posted

in

,

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น