เคยได้ยินเรื่องราวของ “หมีโคเคน” หรือ “Pablo EskoBear” (ล้อมาจากชื่อราชายาเสพติด) กันมาก่อนไหม?
นี่คือเรื่องราวของหมีตัวหนึ่งในรัฐเคนทักกีซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการถูกเชื่อว่ากินโคเคนหนักกว่า 30 กิโลกรัมเข้าไป และในอนาคตก็กำลังมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นภาพยนตร์กำกับโดย Elizabeth Banks ด้วย
เรื่องราวของเจ้าหมีตัวนี้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 11 กันยายน 1985 เมื่อชายชราคนหนึ่งในเคนทักกี พบศพของชายอีกคนหนึ่งริมถนน
ในสภาพสวมเสื้อเกราะกันกระสุน มีร่มชูชีพ พกปืนหลายกระบอก แถมยังมีกล้อง Night Vision และโคเคนมูลค่าราวๆ 430 ล้านบาทอีก
ศพของชายคนนี้ในภายหลังถูกทราบว่าเป็นของชายชื่อ Andrew C. Thornton II อดีตทหารพลร่ม ที่กลายเป็นคนขายยาเสพติดเสียเอง
โดยเขาเสียชีวิตจากการกระโดดร่มที่ผิดพลาดจากเครื่องบินที่ต่อมาถูกพบตกอยู่ห่างออกไป 96.5 กิโลเมตรอีกที
เรื่องราวในครั้งนี้แม้จะดูแปลกอยู่บ้างแต่ก็คงเป็นเพียงข่าวการขนยาที่ผิดพลาดธรรมดา แต่ในอีก 3 เดือนต่อมาภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติตาฮูชีในรัฐจอร์เจีย เจ้าหน้าที่กลับได้รับรายงาน
การค้นพบหมีดำน้ำหนักกว่า 79.4 กิโลกรัมตัวหนึ่ง นอนอยู่กลางกองถุงพลาสติกที่ถูกเปิดแล้ว 40 ถุงซึ่งต่อมาถูกค้นพบว่าล้วนแต่มีร่องรอยของโคเคนทั้งสิ้น
ส่วนเจ้าหมีที่ถูกพบนั้น แท้จริงแล้วก็ตายไปจากการเสพโคเคนเกินขนาดแล้วด้วย (ปริมาณที่มันกินเข้าไปไม่ได้ถูกระบุแน่ชัด แต่ในกระแสเลือดของมันมีโคเคนค้างอยู่ 4 กรัม)
“ท้องของมันเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยโคเคนอย่างแท้จริงเลย” ผู้ตรวจทางการแพทย์ผู้ชันสูตรซากหมีดำระบุ “มันไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนโลกใบนี้สามารถรอดจากโคเคนขนาดนี้ได้หรอก”
“เลือดออกในสมอง ระบบหายใจล้มเหลว ภาวะไข้สูง ไตวาย หัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองแตก จะอะไรก็ช่างเจ้าหมีตัวนี้มีอาการหมดเลย!!”
ที่น่าสนใจคือแม้ว่าอวัยวะภายในของเจ้าหมีจะฟังดูเละเทะแบบนี้ แถมยังแทบจะเหลืออยู่ (เพราะหมีตายมานานแล้ว) แล้วก็ตาม แต่สภาพภายนอกของมันกลับยังคงสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะหนัง
ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจสตาฟเจ้า Pablo EskoBear ไว้เสีย และนำมันไปจัดแสดงที่พื้นที่สันทนาการของเขตป่าสงวนตาฮูชี
และมันก็เป็นที่นั่นเองที่เรื่องราวของเจ้า Pablo EskoBear ดูจะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก
เพราะต่อมาพื้นที่ป่าสงวนตาฮูชีได้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ซึ่งทำให้เจ้า Pablo EskoBear ถูกย้ายที่เก็บและหายไปอย่างลึกลับ
มันถูกนำไปขายในโรงจำนำและในเวลาต่อมา จะไปตกอยู่ในมือนักดนตรีมีชื่ออย่าง Waylon Jennings ผู้ซึ่งซื้อมันมาโดยไม่รู้ว่ามันเป็นของที่ถูกขโมยมาขาย
แต่การเดินทางของเจ้าหมีโคเคนก็ไม่ได้จบลงตรงนี้แต่อย่างไร เพราะด้วยเหตุผลบางอย่างในเวลาต่อมาเจ้าหมีตัวนี้ก็ไปปรากฏอยู่ที่ลาสเวกัสในฐานะของสะสมของ Ron Thompson
ก่อนจะถูกขายต่อให้ Zhu T’ang ซึ่งเป็นเจ้าของร้านยาจีน และต้องถูกย้ายไปอยู่ที่เมืองรีโน รัฐเนวาดาอีก
และกว่าที่เจ้าหมีโคเคนตัวนี้จะได้กลับไปยังบ้านเกิดอีกครั้ง มันก็ด้วยความช่วยเหลือขององค์กร Kentucky for Kentucky ในปี 2016 เลยทีเดียว
ที่มา iflscience และ mirror
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น