เพื่อนๆ เคยได้ยินประโยคพูดของ “เวสเพเซียน” จักรพรรดิโรมันคนที่ 9 ที่ว่า “Pecunia non olet” กันมาก่อนไหม? นี่เป็นคำพูดซึ่งแปลแบบตรงๆ ได้ว่า “เงินไม่เหม็น” หรือ “เงินไม่เคยด่างพร้อย” และมีความหมายลึกๆ ว่าต่อให้คุณได้เงินมาอย่างไร สุดท้ายมันก็มีค่าเท่ากัน
นี่นับเป็นคำคมที่ดีมากๆ อันหนึ่งเลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าตัวของเวสเพเซียนเองก็ทำตามคำพูดของตัวเองเป็นอย่างดีเลยด้วย เพราะเขานั้นเก็บภาษีมันแทบทุกอย่าง ถึงขั้นที่ว่าเจ้าตัวจะเก็บภาษีปัสสาวะเลย
ด้วยความที่เวสเพเซียนนั้นปกครองโรมันในช่วงปี ค.ศ. 68-69 ซึ่งนี่เป็นช่วงเวลาที่โรมันมีสงครามกลางเมืองจนต้องเปลี่ยนจักรพรรดิถึง 4 คน แถมยังเป็นเวลาราวๆ หนึ่งปีหลังจากความตายของจักรพรรดิเนโร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เวสเพเซียนจะพบกับปัญหาการเงินทันทีที่ขึ้นครองราชย์
ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อที่จะแก้ปัญหาการเงินของอาณาจักร เวสเพเซียนจึงทำสิ่งที่เขาถนัดที่สุดจากการเป็นบุตรชายของคนเก็บภาษี ด้วยการขึ้นภาษีในอาณาจักรโรมัน แถมยังมีการตั้งภาษีใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็รวมไปถึงภาษีปัสสาวะด้วย
พอกล่าวมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนก็คงจะตั้งคำถามกันแล้วว่าเวสเพเซียนนั้นมีวิธีเก็บภาษีปัสสาวะแบบไหนกัน ซึ่งสำหรับตรงนี้แล้วเราคงต้องทำความเข้าใจกันสักนิดว่าคนโรมันในสมัยก่อนเขามีการใช้งานปัสสาวะที่ค่อนข้างหลากหลายมาก เมื่อเทียบกับในปัจจุบัน
ด้วยความที่ว่าปัสสาวะของคนนั้น หากเอาไปทิ้งไว้เป็นเวลาราวๆ 24 ชั่วโมง สารยูเรียในปัสสาวะมันจะเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียได้ และเจ้าแอมโมเนียที่ว่านี้มันก็เหมาะกับการนำไปซักผ้า หรือแปรงฟัน
แถมนอกจากทำความสะอาดแล้ว ปัสสาวะของมนุษย์ยังถูกใช้งานในการทำเครื่องหนัง และการฟอกสีขนสัตว์บางชนิดอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคนโรมันทำธุระส่วนตัว ปัสสาวะของพวกเขาก็จะถูกเก็บไปรวมกันไว้โดยคนงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งเป็นไปได้ว่าคนเหล่านี้เองซึ่งต้องจ่ายภาษีใหม่ในรัฐ (ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนบอกว่าคนที่ใช้งานปัสสาวะอย่างเช่นโรงทำเครื่องหนังเองก็น่าจะโดนเก็บภาษีด้วย) และด้วยความที่ปัสสาวะเป็นของที่ต้องมีการใช้งานกันทุกวัน ภาครัฐจึงได้รับเงินจำนวนมากจากภาษีในส่วนนี้
หนึ่งในโรงซักฟอกของปอมเปอี
อย่างไรก็ตามเก็บภาษีจากของอย่างปัสสาวะนั้นนับว่าเป็นอะไรที่ถูกรังเกียจโดยคนสมัยนั้น (โดยเฉพาะลูกของเวสเพเซียนเอง) ซึ่งทำให้เวสเพเซียนต้องใช้คำว่า “Pecunia non olet” ในการเตือนสติคนรอบตัวถึงความเป็นจริงที่ว่าต่อให้เงินเหล่านี้มาจากปัสสาวะก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเงินมันก็คือเงิน
ที่สำคัญคือพวกเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เวสเพเซียนได้ช่วยเหลือการเงินของภาครัฐในสมัยนั้นไว้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากคำพูดของเขาจะเป็นที่จดจำไปอีกนานแล้ว นักประวัติศาสตร์หลายๆ คนยังมีการบันทึกไว้ด้วยว่า ในตอนที่เวสเพเซียนสิ้นชีพนั้น เขาได้ทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้ทายาทจากการเก็บภาษีที่หลายๆ คนมองว่าสกปรกเลย
เหรียญที่ผลิตขึ้นโดยมีเวสเพเซียนเป็นต้นแบบ
ที่มา allthatsinteresting
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น