CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

ย้อนรอย “Phoebus cartel” เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่เคยร่วมใจลดคุณภาพหลอดไฟ เพื่อผลกำไรของตัวเอง

สำหรับในปัจจุบัน มันเป็นเรื่องที่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลอดไฟนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในของใช้ในชีวิตที่ไม่ว่าใครก็คงรู้จักและมีอยู่ในครอบครองไปแล้ว เพราะเทคโนโลยีชิ้นนี้เรียกได้ว่าพัฒนาการจากที่เคยเป็นมาไกลแสนไกลเหลือเกิน

แต่เชื่อกันไหมว่าย้อนไปในอดีต เราก็เคยมีช่วงเวลาอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเคยร่วมมือกันเพื่อพยายาม “ลดคุณภาพ” ของหลอดไฟที่ประชาชนใช้อยู่ด้วย

พวกเขาทำมันไปเพื่ออะไร? ทำไมคนกลุ่มคนถึงจำเป็นต้องอยากลดคุณภาพของสินค้าแบบหลอดไฟด้วย?

ในวันนี้เราจะไปชมเรื่องราวของกลุ่มพันธมิตรเพื่อการลดคุณภาพหลอดไฟที่มีชื่อว่า “Phoebus cartel” (อ่านว่า “ฟีบัส-คาร์เทลส์” มาจากชื่อเทพแห่งแสงของกรีกโบราณ) กัน

 

 

ปัญหาของหลอดไฟ

ย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ ของการวางขายในเชิงพาณิชย์ หลอดไฟที่มนุษย์เราใช้นั้น มักจะใช้ระบบการเปล่งแสงด้วยการทำให้ไส้หลอดไฟร้อนสุดๆ จนเกิดเป็นแสง

ปัญหาคือการทำแบบนี้มักจะทำให้เมื่อเวลาผ่านไปไส้หลอดไฟจะค่อยๆ เสียหาย จนอายุของหลอดไฟมีจำกัด

ดังนั้น ผู้ผลิตหลายคนจึงพยายามพัฒนาไส้ในหลอดไฟแบบใหม่ๆ มายืดชีวิตของหลอดไฟตัวเองให้เหนือกว่าคู่แข่งเสมอๆ

ซึ่งความพยายามนี้เอง ก็ทำให้จากที่หลอดไฟเคยอยู่ได้นานแค่ 14 ชั่วโมงในปี 1879 อายุของหลอดไฟก็ค่อยๆ อยู่ได้นานขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งในปี 1920 หลอดไฟหลอดหนึ่งก็อาจมีอายุยืนได้นานสุดถึง 2,500 ชั่วโมง และมีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,800 ชั่วโมงเลย

 

 

จุดเริ่มต้นของ Phoebus cartel

การที่หลิดไฟอายุยืนขึ้น อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูดีสำหรับผู้บริโภค แค่สำหรับคนขายหลอดไฟแล้ว พวกเขาพบว่าการพัฒนาความทนทานของหลอดไฟที่เกิดขึ้นได้ทำให้รายได้ของพวกเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด

นั่นเพราะแทนที่ผู้คนจะต้องซื้อหลอดไฟเดือนละ 2 หลอด เมื่อหลอดไฟทนขึ้นพวกเขาก็ซื้อหลอดไฟลดลงเป็น เดือนละหลอดหรือ 2 เดือน 1 หลอดแทน

เพื่อที่จะแก้ปัญหารายได้ที่ลดลง ในปี 1925 บริษัทหลอดไฟใหญ่ๆ ทั่วโลกในยุคนั้นอย่าง Osram, General Electric, Tungsram และ Philips จึงได้ตัดสินใจจับมือกันตั้ง Phoebus cartel ขึ้น

โดยพวกเขามีเป้าหมายบังหน้าที่จะ “ปรับมาตรฐานหลอดไฟทั่วโลกให้เหมือนกัน” และมีผลงานที่น่าสนใจเป็นการทำให้เกลียวหลอดไฟทั่วโลกเป็นแบบเดียวกัน

แต่ในผลงานนั้น พวกเขาก็มีเป้าหมายจริงๆ อยู่อีกข้อ คือการตกลงกันว่าจะลดอายุหลอดไฟ ให้เหลือแค่ 1,000 ชั่วโมงเท่านั้น

 

จากซ้ายไปขวา William Meinhardt CEO ของ OSRAM, Anton Frederik Philips ผู้ร่วมก่อตั้ง Philips, Owen D. Young, ประธานของ General Electric และ Franjo Hanaman ผู้ร่วมก่อตั้ง Tungsram

 

Phoebus cartel กับความเปลี่ยนแปลง

อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะเริ่มคิดกันแล้วว่า Phoebus cartel นั้นเป็นแค่ทฤษฎีสมคบคิดหรือไม่

แต่กลุ่มพันธมิตรนี้ก็มีหลักฐานว่ามีตัวตนอยู่จริงๆ มากมาย

พวกเขามีหน้าที่รับหลอดไฟตัวอย่างจากบริษัทต่างๆ มาทดสอบอายุการใช้งานในห้องตรวจหลอดไฟขนาดใหญ่ โดยบริษัทใดก็ตามที่ผลิตหลอดไฟที่ใช้ได้นานเกินไปมากๆ จะต้องจากค่าเสียหายให้ส่วนกลาง

ซึ่งบันทึกการเสียค่าเสียหายในจุดนี้เองก็ยังคงถูกเก็บไว้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยบริษัทสมาชิกหลายบริษัทเลยด้วย

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้จากที่เคยแข่งกันทำหลอดไฟที่ดีขึ้นบริษัทหลายแห่งจึงเปลี่ยนไปแข่งกันค่อยๆ ทำหลอดไฟให้ “แย่ลง” โดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัวแทน

ส่งผลให้ในช่วงปี 1921-1934 อายุของหลอดไฟก็ค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเหลือแค่ 1,200 ชั่วโมง

ตรงข้ามกับยอดขายของหลอดไฟของสมาชิกที่ Phoebus cartel เพิ่มขึ้นถึง 25% ในช่วงเวลาเพียง 4 ปี เนื่องจากแม้หลอดไฟจะแย่ลง แต่ราคาของหลอดไฟนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย

 

 

จุดจบของ Phoebus cartel และเงามืดที่ถูกทิ้งไว้

นับว่าเป็นโชคดีของโลกมากที่ Phoebus cartel นั้นมีอายุไม่ยืนยาวอย่างที่หลายคนกลัวนัก นั่นเพราะแม้ตัว Phoebus cartel จะถูกตั้งขึ้นโดยหวังว่าจะมีระยะสัญญานานถึงปี 1955 ก็ตาม

แต่ในความเป็นจริงแล้ว Phoebus carte กลับต้องพบทั้งปัญหาคู่แข่งจากภายนอกและการไม่ทำตามกฎของสมาชิกภายใน ดังนั้นในตอนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น Phoebus cartel จึงต้องสลายตัวไปในที่สุด

แต่ปัญหาคือแม้ต้นตอของปัญหาจะหายไปแล้ว แต่แนวคิดของพวกเขาก็ดูเหมือนจะยังคงอยู่นี่สิ…

 

 

นั่นเพราะ Phoebus cartel นั้น เชื่อกันว่าเป็นผู้ที่ทำให้กลยุทธ์การขายสินค้าที่ชื่อว่าการ “ออกแบบให้หมดอายุขัย” (planned obsolescence) กลายเป็นที่แพร่หลายเลยก็ว่าได้

โดยในช่วงหลังจากยุคนั้นมา บริษัทหลายแห่งก็เริ่มจงใจออกแบบสินค้าให้ “พัง” เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งในด้านการผลิต และจิตวิทยา แบบที่ Phoebus cartel เคยทำกับหลอดไฟ

 

 

และแม้ว่าเราอาจจะไม่มีหลักฐานว่าแนวคิดนี้แพร่หลายเพราะ Phoebus cartel จริงๆ หรือไม่ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลยุทธ์ที่ Phoebus cartel เคยใช้ในอดีตนั้น ยังถูกใช้อยู่แม้ในปัจจุบันจริงๆ

 

ที่มา spectrum, npr และ Veritasium


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น