มันเป็นเรื่องที่เราทราบกันว่าการมาของโรคโควิด-19 นั้น ไม่ได้ส่งผลกับผู้คนแค่ในด้านสุขภาพเท่านั้น แต่มันยังมีผลพ่วงทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว
และมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ผิดที่เราจะบอกว่า “สวนสัตว์” คือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจาก สวนสัตว์จำเป็นที่จะต้องจากค่าเลี้ยงดูสัตว์ที่พวกเขามีต่อไป แม้ไม่มีเงินเข้าเลยก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสวนสัตว์ไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง “สวนสัตว์ฟีนิคซ์” ของสหรัฐอเมริกา แล้วด้วย
นั่นเพราะแม้พวกเขาจะไม่ได้หากำไรจากการแสดงสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่การที่นักท่องเที่ยวหายไปในช่วงเดือนมีนาคมที่ปกติจะเป็นช่วงที่มีคนเข้าชมมากที่สุด ก็ทำให้พวกเขาเสียเงินบริจาคช่วยเหลือในการเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้ตั้งแต่ 2.2 ไปถึง 3.7 ล้านบาทเลย
“มันช่างน่าเศร้าจริงๆ ฉันอยู่ที่นี่มาเกือบ 10 ปีแล้วแต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย… ” คุณ Linda Hardwick ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสวนสัตว์ฟีนิกซ์กล่าว “ปกติเราจะได้เห็นผู้คนประมาณหกถึงเจ็ดพันคนต่อวัน แต่คนนี้เราไม่มีแขกสักคนเลยด้วยซ้ำ”
นี่อาจจะเป็นอะไรที่ฟังดูค่อนข้างสิ้นหวังสำหรับสวสัตว์ตามปกติเลยก็เป็นได้ แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่สวนสัตว์ฟีนิกซ์นั้น ไม่ใช่สถานที่ที่จะยอมแพ้ง่ายๆ นัก เพราะหากคนมาดูสัตว์ไม่ได้ สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็แค่เอาสัตว์ไปให้คนดูเองเลยก็พอ
พวกเขาทำความคิดนี้ให้เป็นจริงได้ด้วยการสร้างเว็บไซต์ใหม่ที่ชื่อ “Digital Safari” ก่อนที่จะอัปโหลดวิดีโอสัตว์ บทสัมภาษณ์ และภาพถ่ายไปยัง ทั้งเว็บไซต์และหน้าโซเชียลมีเดีย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงแรกที่เราเปิดตัว Digital Safari ตอนวันพุธเราก็มีผู้ติดตามมากกว่าครึ่งล้านแล้ว” คุณ Linda กล่าว “เรามีคุณแม่ทางบ้านที่บอกกับเราว่า ‘ขอบคุณมากสำหรับความบันเทิง และการเรียนรู้ที่พวกคุณมอบให้ลูกๆ ของฉัน’ ด้วย”
แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นสวนสัตว์ไม่แสวงหาผลกำไร วิดีโอและโชว์ทั้งหมดในเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ของสวนสัตว์ฟีนิกซ์นั้นก็ล้วนแต่จะเป็นสื่อที่เข้าชมได้ฟรีทั้งสิ้น ถึงอย่างนั้นก็ตามหากมีคนสนใจอยากช่วยสมทบทุนการดูแลสัตว์ ทางเว็บไซต์ก็เปิดให้คุณบริจาคเงินได้ตามที่ต้องการเช่นกัน
ซึ่งถ้าหากว่าเพื่อนๆ มีเวลาว่างจากโรคโควิด-19 และอยากจะชมสัตว์น่ารักๆ ของสวนสัตว์ฟีนิกซ์ เพื่อๆ ก็สามารถเข้าไปติดตามผลงานของสวนสัตว์แห่งนี้ได้จากทั้งทางเว็บไซต์ Digital Safari หรือทางโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมได้เลย
ที่มา foxnews
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น