CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

สาวปั๊มหัวใจ ช่วยชีวิตเพื่อนร่วมงาน แต่กลับถูกต่อว่า “ทำหน้าอกเป็นรอยช้ำ” ขู่ฟ้องดำเนินคดี

นี่คือข่าวไวรัลที่กำลังเป็นกระแสอย่างหนักในไต้หวัน เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ใช้ทักษะ ‘การปั๊มหัวใจ’ จนสามารถช่วยชีวิตเพื่อนร่วมงานของเธอเอาไว้ได้ แต่แทนที่เธอจะได้รับคำขอบคุณ เธอกลับถูกต่อว่าซะอย่างนั้น?!

 

 

สาวแซ่ Chu ได้โพสต์รูปภาพและข้อความลงเฟซบุ๊ก เผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2020 ที่ผ่านมา เมื่อจู่ๆ เพื่อนร่วมงานของเธอก็หมดสติล้มลงไปกับพื้น

ระหว่างที่กำลังพาไปส่งโรงพยาบาล Chu ก็พบว่าเพื่อนร่วมงานของเธอไม่หายใจ และตอนนั้นก็ไม่มีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED)

ด้วยความที่ Chu มีใบรับรองหลักสูตรการกู้ชีพขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว เธอจึงตัดสินใจช่วยทำ CPR ให้กับเพื่อนร่วมงานของเธอ ซึ่งเธอก็ยังเล่าด้วยว่าต้องทำการปั๊มหัวใจจนตัวเธอเองต้องเหนื่อยหอบเลย…

“ฉันกดหน้าอกเธอจนหมดแรง แต่ฉันก็ยังคงทำต่อไป เพราะต้องการช่วยชีวิตเธอ”

 

และมันก็ส่งผลให้เพื่อนร่วมงานของเธอรอดชีวิตมาได้ในที่สุด

 

เรื่องราวดูเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ทว่าในเดือนตุลาคม เพื่อนร่วมงานคนนั้นก็ได้ทัก Chu มา และแทนที่จะกล่าวขอบคุณ มันกลับกลายเป็นข้อความต่อว่าเสียแทน

เพื่อนร่วมงานคนนั้นบอกกับ Chu ว่า หน้าอกและแขนของเธอเป็นรอยฟกช้ำขึ้นมาก็เพราะสิ่งที่ Chu ทำ พร้อมกับส่งรูปภาพรอยที่ปรากฏบนหน้าอกและตั้งคำถามว่า…

“เธอใช้แรงมากขนาดไหนกัน ถึงทำให้มีรอยฟกช้ำที่ใหญ่มากขนาดนี้?”

 

 

และนั่นก็ทำให้ Chu ถามกลับไปว่า…

“นี่เธอกำลังต่อว่าฉันที่ใช้แรงมากเกินไปในการทำ CPR เพื่อช่วยชีวิตเธออย่างนั้นหรือ?”

 

Chu บอกด้วยว่า โชคดีขนาดไหนแล้วที่กระดูกซี่โครงไม่หักจากขั้นตอนนี้

 

เพื่อนร่วมงานคนนั้นก็บอกว่า เธอป่วยเป็นโรคเบาหวาน และกังวลว่าแผลฟกช้ำที่เห็นอาจเกิดการติดเชื้อและนำไปสู่การตัดแขนขาได้ ขณะเดียวกัน Chu ก็ตั้งคำถามว่า…

“ระหว่างรอยฟกช้ำ กับชีวิตของเธอ อย่างไหนสำคัญกว่ากัน?”

และก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวก็จะยิ่งใหญ่โตขึ้นไปเรื่อยๆ อีก เมื่อเพื่อนร่วมงานขู่ว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับ Chu…

“เธอใช้แรงกดหนักมากจนฉันรู้สึกมีปัญหาทางด้านหัวใจ ฉันจะเข้ารับการตรวจกับแพทย์เพื่อพิสูจน์ว่าเธอทำร้ายฉันในระหว่างการทำ CPR”

 

 

Chu ได้นำบทสนทนาที่เกิดขึ้นมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2020 และบอกกับทุกคนว่า ถ้าอย่างนั้นเราคงไม่ต้องสนใจทักษะการช่วยชีวิตหรือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในเมื่อคนบางคนไม่ยินดีที่จะให้เราช่วย

ชาวเน็ตจำนวนมากที่ได้มาเห็นเรื่องราวนี้ก็ต่างไม่เห็นด้วยกับคำต่อว่าที่ Chu ได้รับ ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจและทำให้เพื่อนร่วมงานรอดชีวิตมาได้ แต่กลับไม่ได้รับคำขอบคุณ

 

 

นอกจากนั้น ตามกฎหมายทางการแพทย์ฉุกเฉินของไต้หวันก็ระบุเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า ผู้ที่ใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตหรือทำการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยชีวิต จะไม่ต้องรับผิดชอบต่อค่าเสียหายใดๆ ที่อาจตามมา

อีกทั้ง ไต้หวันยังเคยให้ความรู้กับประชาชนทุกคนว่า ผู้ป่วยหัวใจวายจะมีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 50% ถ้าหากได้รับการกระตุกหัวใจด้วยเครื่อง AED หรือการทำ CPR

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู

ที่มา: CTS , ET Today , AsiaOne


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น