อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในหลายประเทศจำเป็นต้องปิดตัวลง หนึ่งในนั้นก็คือพื้นที่ชายหาดในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
การปิดตัวทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยว และมันก็ส่งผลทำให้ ‘เต่าทะล’ จำนวนมากสามารถขึ้นมาวางไข่กันได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจำนวนการวางไข่ของพวกมันสูงกว่าเดิมมาก
จากรายงานของสำนักข่าว CNN ในวันที่ 18 เมษายน 2020 ที่ผ่านมา David Godfrey กรรมการบริหารศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลในสหรัฐอเมริกา เขากล่าวว่านี่ถือเป็นข้อดีที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้คนต้องกักตัว
นั่นก็เพราะว่าตามปกติแล้วในช่วงฤดูการวางไข่ของเต่าทะเลแบบนี้ มักจะเต็มไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวจำนวนมากมานอนอาบแดด พักผ่อนหย่อนใจกัน จนอาจไปรบกวนการวางไข่และการฟักตัวของเต่าทะเลได้
นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการรบกวนจากสิ่งมีชีวิตอื่น อย่างเช่น สุนัข หรือแม้แต่แสงไฟจากสิ่งต่างๆ นอกเหนือจากแสงอาทิตย์ก็สามารถรบกวนการวางไข่ของเต่าทะเลได้เช่นเดียวกัน
แต่เมื่อสิ่งรบกวนลดลง จำนวนการวางไข่จึงเพิ่มสูงขึ้น
นักวิจัยและนักสำรวจท้องถิ่นระบุว่า ในช่วงเดือนเมษายน 2020 นี้ พวกเขาพบว่าเต่าทะเลสามารถวางไข่ได้อย่างอิสระกว่าเดิม
แค่เฉพาะในพื้นที่ ชายหาดจูโน ก็พบว่ามีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่กันมากถึง 72 รัง ซึ่งถือว่าเยอะกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด โดยเป็นรังของ ‘เต่ามะเฟือง’ 71 รัง และของ ‘เต่าหัวค้อน’ 1 รัง
เต่าทะเลทั้ง 2 ชนิดถือว่าอยู่ในสถานะถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์
Sarah Hirsch ผู้บริหารอาวุโสของศูนย์วิจัย Loggerhead Marinelife Center กล่าวว่า…
“ในปีนี้ เต่ามะเฟืองมีโอกาสที่จะเติบโตและเพิ่มประชากรได้อย่างมาก ถือเป็นปีที่ดีสำหรับพวกมัน
เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นเต่าทะเลมีจำนวนเพิ่มขึ้น โลกของเราได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกมันทำอย่างนี้กันมาหลายล้านปีและปีนี้มันก็กำลังแสดงให้เห็นว่าโลกของเรากำลังก้าวต่อไป”
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เป็นกังวลอยู่ว่าหากหมดช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 แล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวแห่กันมาที่ชายหาดและอาจไปรบกวนการฟักตัวของเต่าทะเลเหล่านั้นได้
โดยฤดูการวางไข่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งทางกลุ่มนักวิจัยก็จะเฝ้าสังเกตการณ์การฟักตัวของพวกมันอย่างใกล้ชิด
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น