เราอาจเคยได้เห็นในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ที่พวกเขามักจะบอกว่า ‘แม้อยู่ไกลเป็นไมล์ แต่ถ้าเลือดเราหยดลงทะเลไปแม้แต่หยดเดียว เจ้าปลาฉลามก็สามารถได้กลิ่นแล้ว’
สิ่งนั้นเองที่ได้สร้างความสงสัยให้กับ Mark Rober ยูทูบเบอร์ชื่อดัง มีผู้ติดตามมากกว่า 7.9 ล้านคน และเขาก็มักจะทำการทดลองเพื่อหาคำตอบในหลายๆ สิ่งที่คนมักจะตั้งคำถามกัน
Mark ยูทูบเบอร์ผู้มักจะทำการทดลอง เพื่อคลายข้อสงสัยในหลายๆ เรื่อง
ล่าสุดในวันที่ 28 กรกฎาคม 2019 เขาก็ได้โพสต์คลิปการทดลอง เพื่อพิสูจน์ว่า ‘ปลาฉลามสามารถรับรู้ถึงกลิ่นเลือดมนุษย์ได้จริงหรือเปล่า? และมันสนใจเลือดของเรามากขนาดไหนกัน?’
โดย Mark ได้เดินทางไปทำการทดลองที่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งประเทศบาฮามาส ไปราวๆ 20 ไมล์ (ประมาณ 32 กิโลเมตร)
ออกไปกลางทะเล
ตรงจุดที่เต็มไปด้วยปลาฉลามจำนวนมาก
เขาแบ่งการทดลองออกเป็น 2 ครั้ง โดยจะใช้เวลาครั้งละ 1 ชั่วโมงสำหรับการเก็บข้อมูล ซึ่งในการทดลองครั้งแรก เขาจะยังไม่ใช้เลือดของมนุษย์ แต่จะใช้เป็นของเหลวอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการรับรู้ของปลาฉลาม
ของเหลวเหล่านั้น ประกอบไปด้วย ‘น้ำมันปลา’ , ‘เลือดวัว’ , ‘ปัสสาวะของคน’ และ ‘น้ำทะเล’ (เป็นตัวแปรควบคุม เพื่อทดสอบดูว่าปลาฉลามให้ความสนใจกับของเหลวที่ไหลออกมา ไม่เกี่ยวกับกระดานโต้คลื่น)
หากสงสัยว่าเขาเอาปัสสาวะคนมาจากไหนนั้น ภาพนี้คือคำตอบ….
หลังจากนั้น เขาก็นำของเหลวต่างๆ ติดกับกระดานโต้คลื่น และแยกมันออกไปตามแต่ละจุดรอบๆ เรือที่ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าปลาฉลามจำนวนมาก
ของเหลวทั้ง 4 อย่าง ที่จะอยู่ห่างกันไปรอบๆ เรือ
พอกระดานโต้คลื่นอยู่ตามจุดที่กำหนดไว้แล้ว เขาก็จะใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อสั่งการระยะไกล ทำให้ของเหลวทั้ง 4 อย่างนั้นค่อยๆ ไหลลงทะเลไปได้อย่างสม่ำเสมอ ในปริมาณที่เท่ากัน
และการเก็บข้อมูลนั้น พวกเขาก็จะใช้กล้องที่ติดอยู่ใต้กระดานโต้คลื่น และโดรนบังคับ เพื่อสังเกตดูว่า ‘มีปลาฉลามว่ายเข้าไปหาของเหลวแต่ละอย่าง จำนวนกี่ตัวในระยะเวลา 1 ชั่วโมง’
จากนั้นก็เริ่มการทดลองกันเลย
ในช่วงแรกของการเก็บข้อมูลนั้น Mark บอกว่าไม่พบความแตกต่างใดๆ รอบๆ กระดานโต้คลื่นทั้ง 4 จุดเลยแม้แต่น้อย คือแทบไม่มีปลาฉลามว่ายเข้าไปหาเลยสักตัว
จนกระทั่งในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของการทดลองในครั้งแรก พวกเขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เมื่อปลาฉลามจำนวนมากพากันว่ายเข้าไปหา ‘เลือดวัว’
สังเกตว่าฉลามได้ว่ายตามๆ กันไป เข้าหาของเหลวที่เป็น ‘เลือดวัว’
.
เมื่อการทดลองในครั้งแรกเสร็จสิ้น ผลจากการเก็บข้อมูลเผยให้เห็นว่า ‘ปัสสาวะ’ และ ‘น้ำทะเล’ นั้น ไม่มีปลาฉลามว่ายเข้าไปหาเลยแม้แต่ตัวเดียว
ขณะเดียวกัน ‘น้ำมันปลา’ มีปลาฉลามว่ายเข้าไปใกล้ทั้งสิ้น 4 ตัว
ส่วน ‘เลือดวัว’ นั้น มีปลาฉลามว่ายเข้าไปใกล้มากถึง 41 ตัวด้วยกัน!!
หลังจากนั้นก็ไปต่อกันด้วยการทดลองในครั้งที่ 2
สำหรับการทดลองในครั้งที่ 2 นั้น เขาจะวางของเหลวไว้ทั้งสิ้น 3 จุดด้วยกัน ประกอบด้วย ‘เลือดมนุษย์’ 2 จุด และ ‘น้ำทะเล’ อีก 1 จุด
สำหรับ ‘เลือดมนุษย์’ ทั้ง 2 จุดนั้นจะมีความแตกต่างกันที่ ‘ความเร็วในการไหลลงสู่ใต้น้ำ’ ซึ่งจุดทางด้านซ้ายจะไหล ‘1 หยดต่อนาที’ ในขณะที่ทางด้านขวาของเรือนั้นจะไหล ‘1 หยดต่อ 4 วินาที’
จุดทั้ง 3 จุดในการทดลองครั้งที่ 2
เลือดที่ใช้นั้นก็มาจากการเจาะเลือดของเขาและคนในทีม
ในตอนนี้หลายๆ คนอาจคิดว่าการทดลองในครั้งที่ 2 นี้ คงจะมีปลาฉลามจำนวนมากไปแหวกว่ายล้อมรอบกระดานโต้คลื่นที่บรรจุ ‘เลือดมนุษย์’ อย่างแน่นอนเลย
แต่ความเป็นจริงแล้ว ในการทดลองครั้งที่ 2 นี้ ‘กลับไม่มีปลาฉลามไปวนเวียนรอบๆ กระดานโต้คลื่นเลยแม้แต่ตัวเดียว’ ?!
ผลลัพธ์ที่ได้คือไม่มีปลาฉลามไปว่ายรอบๆ กระดานโต้คลื่นทั้ง 3 จุดเลย
.
เขาจึงสรุปว่า “บางทีฉลามอาจไม่ได้สนใจในเลือดของมนุษย์มากเหมือนอย่างที่เราเห็นกันในหนังก็ได้”
อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดลองสิ้นสุดลง Mark ก็ได้ไปพูดคุยกับ ‘นักชีววิทยาทางทะเล’ ซึ่งได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเขามาว่า…
“เลือดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้นจะมีลักษณะทางเคมีที่เหมือนๆ กัน นั่นจึงหมายความว่า ‘เลือดวัว’ ที่ใช้ในการทดลองครั้งแรก ก็ถือว่าไม่ต่างอะไรกันกับ ‘เลือดมนุษย์’“
และสำหรับการทดลองที่เกิดขึ้นในครั้งที่ 2 นั้น หลายๆ ก็มีหลายๆ คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ปลาฉลามอาจเรียนรู้จากในครั้งแรกแล้วว่า แม้จะตามกลิ่นเลือดไป แต่สุดท้ายมันก็จะได้เจอแค่กระดานโต้คลื่นเท่านั้นเอง”
กล่าวคือ การทดลองในครั้งที่ 2 นั้นอาจมีตัวแปรแทรกซ้อนเกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ไปบ้าง
ถึงอย่างนั้น การทดลองที่เกิดขึ้นนี้ก็ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตา ช่วยทำให้เราได้เรียนรู้และสังเกตเห็นสัญชาตญาณของเจ้าปลาฉลามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแหละนะ
โดยเพื่อนๆ สามารถรับชมการทดลองทั้งหมดแบบเต็มๆ ได้ที่คลิปนี้เลย
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น