CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

เมื่อเพื่อนรักเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สาวจึงตัดสินใจโกนผมเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว

เรื่องของทรงผมเป็นอะไรที่เซนซิทีฟสำหรับสาวๆ วัยรุ่นมากๆ เพราะถ้าวันไหนทรงผมของเราไม่ได้ดั่งใจ วันนั้นทั้งวันก็จะทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองไปแล้ว 80% เลย

แต่สำหรับสาววัย 19 ปีอย่าง Nikita Grace Stewart ทรงผมไม่สำคัญเท่าเพื่อนรักของเธอค่ะ เพราะเธอเลือกที่จะกล้อนผมของตัวเองออกเพื่อให้เพื่อสาวนามว่า Kara Farnham รู้สึกไม่โดดเดี่ยว

 

 

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 เป็นวันที่ Kara ได้รับทราบจากคุณหมอว่าตนกำลังเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเธอต้องเข้ารับการรักษาด้วยคีโม นั่นจึงทำให้ผมของเธอร่วงและต้องโกนทิ้งในที่สุด

อย่างไรก็ตาม พอมาถึงปีนี้นับว่าเป็นข่าวดีของเธอเลยล่ะค่ะ เพราะหลังจากที่ทำคีโมมานานถึง 6 ครั้ง เดือนนี้ถือว่าเป็นเดือนสุดท้ายที่เธอต้องเข้ารับการรักษานี้แล้ว

 

 

ตัดภาพมาที่เพื่อนรักเพื่อนสนิทของ Kara อย่าง Nikita เธอเป็นสาวน้อยวัย 19 ปีเช่นกัน ซึ่ง Nikita มักจะเดินทางไปต่างประเทศกับคุณแม่อยู่บ่อยๆ

จนกระทั่ง Nikita ทราบว่า Kara ต้องเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเท่านั้นแหละ เธอก็ขอคุณแม่บินกลับมาพร้อมบอกว่า

“หนูจะโกนผมของหนูเพื่อ Kara”

“ตอนนั้นมันไม่มีการลังเลหรือถอยหลังกลับกับการตัดสินใจของฉันเลย ฉันคิดแค่ว่าฉันต้องทำมัน”

 

 

Nikita เล่าให้ทางเว็บไซต์ Buzzfeed ฟัง หลังจากที่เธอบินกลับมายังออสเตรเลีย (บ้านเกิดของทั้งสองสาว) Nikita ก็ได้สร้างหน้าบนเว็บไซต์ Cancer Council พร้อมบอกเวลาที่เธอจะโกนผมของเธอเพื่อ Kara

และในวันที่ 12 มกราคม ก็ถึงเวลาที่ Nikita ต้องโกนผมค่ะ ซึ่งเธอให้ Kara เป็นคนโกนให้อีกด้วย

 

เริ่มแรก Kara ค่อยๆ ตัดผมเปียแสนสวยของ Nikita ออก

.

 

จากนั้นก็ให้ช่างเริ่มโกนผมของเธอออก

.

 

Nikita บอกว่า “มันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ”

.

 

และทั้งคู่ก็ไม่มีผมเหมือนกันแล้ววววว

 

 

คลิปวิดีโอนี้มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ โดยมีผู้กดไลก์มากถึง 3.1 ล้านคน และคอมเมนต์มากกว่า 24,000 คอมเมนต์เลยทีเดียว จะบอกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นมิตรภาพที่ไม่มีวันตายก็คงไม่แปลกเลย

 

ลองชมคลิปแบบเต็มๆ ได้ที่ลิงก์นี้เลย: https://www.tiktok.com/@karafarnham/video/6802429624430251270

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ

ที่มา: buzzfeed

Comments

ใส่ความเห็น