เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศทั่วโลก “สเปน” ก็นับเป็นอีกที่หนึ่งซึ่งเลือกที่จะใช้วัคซีนในการรับมือกับโรคโควิด-19 และต้องเผชิญกับปัญหากลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่ยอมรับวัคซีนดังกล่าว
ดังนั้น นี่จึงอาจจะกลายเป็นข่าวที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความเห็นที่แตกออกเป็นสองฝั่งเลยทีเดียว เมื่อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานาย Salvador Illa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสเปน ได้ออกมาประกาศว่า
แม้การฉีดวัคซีนในสเปนจะไม่ถูกบังคับโดยกฎหมายและจะยังคงอยู่ในความสมัครใจ แต่ทางประเทศก็วางแผนที่จะ บันทึกข้อมูลผู้ที่ปฏิเสธการเข้ารับวัคซีน “ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”อยู่ในปัจจุบัน
การออกมาประกาศในครั้งนี้ แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีการอธิบายเหตุผลที่ชัดเจนมากนัก แต่ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลของสเปนจะพยายามให้ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดยนาย Salvador ระบุว่าข้อมูลที่ได้จากการเก็บข้อมูลในครั้งนี้ นอกจากจะถูกใช้ในประเทศแล้ว บางส่วนจะถูกแบ่งปันกับประเทศพันธมิตรอื่นๆ ในยุโรปด้วย
“นี่ไม่ใช่เอกสารที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ และเราจะดำเนินการด้วยความเคารพสูงสุดสำหรับการปกป้องข้อมูลผู้มีรายนาม” นาย Salvador เสริม “วิธีกำจัดไวรัสที่ดีที่สุด คือการฉีดวัคซีนให้พวกเราทุกคน”
เรื่องราวในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ทางรัฐบาลสเปนเริ่มประกาศโครงการฉีดวัคซีน Pfizer-BioNTech ในวันที่ 27 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา
และเป็นผลพ่วงจากการที่ผลสำรวจของ Ipsos เมื่อเดือนพฤศจิกายนระบุว่า มีประชาชนเพียง 64% ของประเทศ “เห็นด้วยอย่างยิ่ง” ในการรับวัคซีน ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในบรรดา 15 ประเทศที่เข้าร่วมการทดสอบ
ซึ่งทั้งนี้เองในปัจจุบันสเปนถือว่า เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดในยุโรปและทั่วโลกเลยก็ว่าได้
โดยจากข้อมูลเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม สเปนมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 1.8 ล้านราย ในขณะที่มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 50,000 ชีวิตเลยทีเดียว
ที่มา iflscience และ lasexta
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น