ช่วงนี้บุคลากรทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอ พยาบาล หรือเภสัชกร พวกเขาเหล่านี้ล้วนมีภาระอันหนักอึ้งที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันรักษาผู้คนให้พ้นจากไวรัสตัวร้ายอย่าง COVID-19
ซึ่งประชาชนจากประเทศสเปนและอิตาลีเขาก็ให้ความร่วมมือด้วยการกักตัวเองอยู่ในบ้าน เพื่อช่วยเหลือไม่ให้เชื่อมันแพร่เร็วไปมากกว่านี้
แน่นอนค่ะว่าการกักตัวเองอยู่แต่ในบ้านมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่เหล่าบุคลากรเขาก็ทำงานหนักเพื่อพวกเขาจริงๆ
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดภาพอันน่าประทับใจเหล่านี้ขึ้นในกรุงโรม ประเทศอิตาลี กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเมืองมาดริด ประเทศสเปน
ในวันที่ 15 มีนาคม ช่วงเวลา 4 ทุ่ม ณ เมืองมาดริด ของสเปน ผู้คนที่กำลังกักตัวอยู่ในบ้านร่วมกันเดินออกมาอยู่ตรงระเบียงบ้านของพวกเขาและพร้อมใจกันปรบมือกันกึกก้องเมือง
เพื่อเป็นการสรรเสริญเหล่าแพทย์และบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาล ผู้อุทิศตนและเหน็ตเหนื่อยในเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้
Spain totally quarantined, but everyone took a minute at the same time to clap from their windows for doctors, nurses, and all those who work in hospitals saving lives and risking theirs. pic.twitter.com/zgwWeFwgFT
— Fr. Goyo (@FrGoyo) March 14, 2020
ไม่ได้มีเพียงแค่ประชาชนเท่านั้นค่ะ เพราะเหล่าตำรวจก็ร่วมกันตรวจตราไม่ให้เหล่าประชาชนออกมานอกบ้าน แถมยังขับรถไปรวมกันและเปิดเสียงไซเรนพร้อมๆ กันแถวโรงพยาบาล เพื่อขอบคุณพวกเขาอีกด้วย
Police “helping” people stay at home and then gathering outside a hospital to thank (from a distance) those who work there for the amazing job they are doing. Things like this make our days a bit better.#WeCanBeatThis
(Spain). pic.twitter.com/txUXeKvzqV— Fr. Goyo (@FrGoyo) March 21, 2020
เหล่าประชาชนจากกรุงโรม อิตาลีก็ออกมาปรบมือสรรเสริญเหล่าแพทย์เช่นกันค่ะ
ถึงไม่มีระเบียงก็โผล่หน้าจากหน้าตาแบบนี้ได้นะ
เหล่าประชาชนจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เขาก็ขอส่งเข้าประกวดเหมือนกัน คราวนี้มีคนเต้นด๊อกแด๊กให้กำลังใจด้วยนะ
คุณลุงปรบมือได้น่ารักมากกก
แถมเสียงปรบมือจากประชาชนเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กให้อีกค้าบบ
คลิปภาพรวมความน่ารักของแต่ละประเทศในแถบยุโรป
แม้ในไทยเรายังไม่มีอะไรแบบนี้ แต่อยากให้บุคลากรทางการแพทย์รู้ไว้นะคะว่าพวกเราส่งกำลังใจให้ทุกคนเสมอ เราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกันน้า
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: theguardian, bbc
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น