Steven Spielberg เป็นผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มากความสามารถที่ได้รับการกล่าวขานอย่างกึกก้องในช่วงยุค 90 กับการคว้ารางวัลภาพยนตร์ดังและเปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์ในช่วงนั้นไปอย่างสิ้นเชิง
ในปี 1993 เรียกได้ว่าเป็นปีที่ป๋า Steven เหน็ดเหนื่อยและภูมิใจมากที่สุดกับการสร้างภาพยนตร์สองเรื่องที่มีความแตกต่างกันอย่าง Schindler’s List (1993) และ Jurassic Park (1993)
ซึ่งเส้นทางของภาพยนตร์สองเรื่องนี้น่าสนใจมากค่ะ #เหมียวนานะ เลยอยากจะมาเล่าให้ทุกคนอ่านกันว่าเรื่องราวของผู้กำกับคนนี้มันจะน่าทึ่งมากแค่ไหน
ในปี 1993 ป๋า Steven ต้องการสร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งขึ้นมาเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดของชาวยิว นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List (1993)
แต่ในตอนนั้นป๋ากำลังสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Jurassic Park (1993) อยู่จึงทำให้เขาอยากจะส่งไม้ต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ผู้กำกับคนอื่นแทน
ผู้กำกับคนแรกที่เขาส่งไม้ต่อคือ Roman Polański เพราะ Roman คือผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว แต่เขากลับปฏิเสธเพราะเขามองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันเจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะทนกำกับมันได้
ป๋า Steven จึงส่งไม้ให้แก่ Martin Scorsese แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาเช่นกัน…
หากใครยังไม่ทราบ #เหมียวนานะ ขอบอกเลยค่ะว่าป๋า Steven ก็เป็นชาวยิวเช่นกัน เขาโกรธแค้นมากเกินกว่าที่จะทิ้งภาพยนตร์เรื่องนี้ไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกกำกับภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องพร้อมกันแม่มเลย
อย่างไรก็ตาม การกำกับภาพยนตร์สองเรื่องพร้อมกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องเปิดกล้องทั้งสองเรื่องพร้อมกันอีกต่างหาก ป๋า Steven ให้สัมภาษณ์ในงานครบรอบ 25 ปี Tribeca Film Festival เมื่อปี 2018 ว่า
“ผมต้องถ่าย Jurassic Park ตอนนั้นเลยและนั่นคือปัญหา
และผมก็ไม่อยากพลาดช่วงฤดูหนาวไปด้วย ผมรู้ว่าผมต้องถ่าย Schindler’s List ในเดือนมกราคม ที่โปแลนด์อีก
มันเลยเป็นอะไรที่รวดเร็วไปหมด”
ในตอนนั้นป๋า Steven ต้องบินเทียวไปเทียวกลับบ้าน 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ แต่ถึงแม้ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหนแต่ป๋าไม่ท้อเลยค่ะ ซึ่งสิ่งที่ผลักดันพลังของเขาในตอนนั้นก็คือ ‘ความโกรธแค้น’
แต่สุดท้ายแล้วการทำงานหนักทั้งหมดของป๋า Steven ก็บังเกิดผลจนได้ค่ะ เพราะหลังจากที่ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องฉายออกไปในปีเดียวกัน เขาก็ได้รับรางวัลออสการ์ในปี 1994 ทันที
ในตอนนั้นภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park กลายเป็นภาพยนตร์ที่ผู้คนตกตะลึงกับเอฟเฟคและการคืนชีวิตให้ไดโนเสาร์อีกครั้ง
และภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List ก็ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นภาพยนตร์สงครามโลกที่ดีที่สุดและกวาดรายได้ไปมากถึง 322 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียงแค่ 22 ล้านเหรียญเท่านั้น
ความน่าทึ่งของป๋ายังไม่หมดเพียงเท่านั้นค่ะ เพราะป๋า Steven เลือกที่จะไม่รับเงินค่าตัวจากการกำกับภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List ด้วยเหตุผลที่ว่ามันคือเงินที่เปื้อนเลือด
เขาได้ทำการมอบเงินทั้งหมด 53 ล้านเหรียญ ให้กับมูลนิธิชาวยิวต่างๆ และนั่นก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องขึ้นมาหลายเท่าตัว
เรียกได้ว่าป๋า Steven มีทั้งความสามารถและหัวใจที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ค่ะ สมแล้วที่เป็นตำนานของวงการภาพยนตร์มาตลอด
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: learningtogive, ew
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น