ด้วยความที่ทะเลนั้นปกคลุมพื้นที่ถึง 70% ของโลก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผืนน้ำอันกว้างใหญ่เหล่านี้จะเก็บงำเรื่องที่มนุษย์ไม่เคยทราบมาก่อน หรือปริศนาที่เรายังไขไม่ได้เอาไว้เต็มไปหมด
เรื่องราวที่ถูกซ่อนไว้ในทะเลเหล่านี้ โดยมากแล้วก็จะเป็นอะไรที่ดูธรรมดาอย่างสัตว์สายพันธุ์ที่เราไม่รู้จัก หรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติใต้ทะเลที่มนุษย์ไม่เคยพบ แต่ในบางครั้งท้องทะเลก็อาจจะซ่อนอะไรที่เป็นปริศนาสุดน่าสนใจได้เช่นกัน เหมือนอย่างปริศนาแห่งท้องทะเลทั้ง 5 อย่างต่อไปนี้
1. เรือผี Mary Celeste
นี่เป็นตำนานที่มีจุดเริ่มต้นมาจากวันที่ 5 ธันวาคม 1872 เมื่อเหล่าลูกเรือของเรือ “Dei Gratia” พบกับเรือประหลาดผลุบๆ โผล่ๆ อยู่นอกชายฝั่งกลุ่มเกาะอะโซร์ส ดังนั้นพวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเล่นเรือเข้าไปหาเพื่อให้ความช่วยเหลือ
แต่แทนที่จะพบกับลูกเรือตามปกติลูกเรือของ Dei Gratia กับพบว่าเรือที่พวกเขาพบนั้นไม่มีใครอยู่เลยทั้งๆ ที่บนเรือนั้นยังคงมีเสบียงอาหารและของมีค่าอยู่ครบ แถมบางบันทึกยังเขียนไว้ด้วยว่าบนโต๊ะอาหารบนเรือนั้นยังมีอาหารตั้งอยู่ด้วยซ้ำ
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานเรือแมรีเซเลสต์ที่โด่งดังไปทั่ว และแน่นอนว่าแม้จะมีทฤษฎีมากมายที่พยายามไขความลับของเรือลำนี้ แต่ด้วยความที่ไม่มีใครพบตัวลูกเรือที่เคยอยู่บนเรือเลย สุดท้ายแล้วเรื่องราวของเรือลำนี้จึงยังคงเป็นปริศนาแม้ในปัจจุบัน
2. อนุสาวรีย์โยนากุนิ
นี่คือพื้นที่ประหลาดใต้ทะเลที่โยนากุนิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประกอบไปด้วยโครงแผ่นหินยักษ์ที่มีอายุเก่าแก่มาก และเรียงตัวกันในรูปแบบที่เหมือนหมู่บ้านไม่มีผิด
อนุสาวรีย์โยนากุนินั้นถูกมองจากนักวิทยาศาสตร์ทั้งในฐานะของสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและด้วยฝีมือของมนุษย์
โดยฝั่งที่บอกว่าเกิดจากฝีมือของมนุษย์นั้นให้เหตุผลว่าแผ่นหินยักษ์เหล่านี้เรียงตัวกันอย่างมีรูปแบบเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นเองได้ ในขณะที่อีกฝั่งเองก็มีการแย้งว่าอนุสาวรีย์โยนากุนินั้น หากสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์จริงๆ มนุษย์เหล่านั้นก็น่าจะมีอารยธรรมขั้นสูงมากจนเปรียบได้กับนครแอตแลนติสเลย (ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้)
3. สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
นี่คือพื้นที่รูปสามเหลี่ยมทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะพื้นที่ที่มีเรือและเครื่องบินหายไปเป็นจำนวนมาก
ตั้งแต่ในอดีตมา คนเราก็มีทฤษฎีมากมายที่พยายามจะอธิบาย เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังของสามเหลี่ยมปีศาจแห่งนี้
ทฤษฎีที่ว่าก็มีตั้งแต่ ทฤษฎีเรื่องความผิดพลาดของข้อมูลที่บอกว่าการรายงานข้อมูลส่วนใหญ่มีการเสริมแต่งให้เกินจริง ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ออกว่าสามเหลี่ยมแห่งนี้มีการปล่อยก๊าซมีเทนที่ทำให้เรือและเครื่องบินเสียการควบคุม หรือทฤษฎีทางความเชื่อที่บอกว่าเอเลี่ยนลักพาตัวเรือในสามเหลี่ยมไป
แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าทฤษฎีไหนจะถูกต้อง เรื่องราวของสามเหลี่ยมแห่งนี้ ก็จะยังคงเป็นหนึ่งในอาถรรพ์แห่งท้องทะเลที่ถูกจดจำไปอีกนานแสนนานอยู่ดี
4. คราเคน
นี่คือปีศาจหมึกยักษ์แห่งท้องทะเลที่หลอกหลอนนักเดินเรือมานานหลายร้อยปี โดยมีลักษณะเด่นอยู่ที่รูปร่างที่ใหญ่โตมากพอที่จะเอาหนวดของมันลากเรือลงไปใต้ทะเลได้
คราเคนนั้นถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในแถบสแกนดิเนเวียในช่วงศตวรรษที่ 12 ก่อนที่เรื่องของมันจะกระจายทั่วยุโรปผ่านเรื่องเล่าของเหล่านักเดินเรือ และถูกบรรยายรูปร่างอย่างละเอียดในปี 1555 โดยนักทำแผนที่ชาวสวีเดน
โดยที่มาจริงๆ ของปีศาจคราเคนนั้น อ้างอิงจากนักวิทยาศาสตร์หลายๆ กลุ่ม เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นจากการที่คนสมัยก่อนไปเห็นหมึกยักษ์สายพันธุ์ Architeuthis dux หรือไม่ก็ Mesonychoteuthis hamiltoni แล้วเข้าใจผิดว่าหมึกยักษ์เหล่านี้เป็นปีศาจร้ายไปนั่นเอง
5. ขุมทรัพย์ใต้ทะเลแห่ง “Merchant Royal”
นี่คือเรื่องราวของเรือสินค้าชื่อ Merchant Royalที่ ขนทองคำหนักกว่า 45,000 กิโลกรัม และแท่งเงินแท้อีก 400 แท่ง ซึ่งจมไปในปี 1641 เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่ดีในระหว่างที่เดินทางกลับอังกฤษจากประเทศเม็กซิโก
มูลค่าสินค้าบนเรือลำนี้นั้นทำให้เรือลำนี้กลายเป็นหนึ่งในซากเรือที่มีค่ามากที่สุดลำหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นที่ผ่านๆ มาจึงมีคนมากมายที่พยายามที่จะเก็บกู้ซากเรือลำนี้กลับขึ้นมาให้จงได้
ปัญหาคือจนถึงปัจจุบันนั้น ยังไม่มีนักเดินเรือคนไหนเลยที่สามารถระบุจุดที่เรือ Merchant Royal จมลงไปจริงๆ ได้เลย
ทั้งนี้ความหวังที่เป็นไปได้ที่สุดของการตามหาเรือลำนี้นั้น ในปัจจุบันตกอยู่กับทีมนักล่าสมบัติจากศูนย์โบราณคดีการเดินเรือคอร์นวอลล์ ซึ่งมีการออกมาอ้างว่าตัวเองพบสมอเรือที่คาดว่าจะเป็นของเรือ Merchant Royal และกำลังพยายามระบุตำแหน่งของตัวเรือจริงๆ จากสิ่งที่พวกเขาอยู่ เมื่อช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมานั่นเอง
ที่มา mentalfloss
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น