ในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 กำลังทยอยเข้าสู่ระยะที่ 3 ในหลายๆ ประเทศ กลับกันแล้วเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างสิงคโปร์แม้จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมมาก่อนประเทศอื่นๆ ในช่วงตรุษจีนแต่ก็ยังสามารถควบคุมเอาไว้ได้ จนมีประเทศอื่นขึ้นแซงแทน
รายการทีวีจากไต้หวันได้ติดตามและเฝ้าสังเกตคณะรัฐมนตรีของสิงคโปร์ในการรับมือ COVID-19 ซึ่งมองว่าประสบความสำเร็จในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อและอยู่ในขั้นที่ควบคุมได้
ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของสิงคโปร์
ในช่วงรายการวิเคราะห์ข่าวการเมือง News Tornado จากช่อง CTi News เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผู้ดำเนินรายการเกริ่นถึงช่วงตรุษจีนซึ่งในตอนนั้นสิงคโปร์มียอดผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนสูงที่สุด
แต่ทว่าด้วยระบบการบริหารภายในทำให้สิงคโปร์หยุดจำนวนตัวเลขให้เพิ่มขึ้นได้ภายในระยะเวลา 20 วัน ซึ่งจากข่าวที่เห็นรัฐบาลมีท่าทีที่รวดเร็วและตอบสนองต่อปัญหาดังกล่าวด้วยการออกมาตรการที่ชัดเจน
ทางรายการได้เชิญผู้เชี่ยวชาญร่วมวิเคราะห์เกี่ยวกับมาตรการรับมือต่างๆ ที่รัฐบาลสิงคโปร์นำมาใช้ต่อสู้กับไวรัสตัวนี้ซึ่งเรียกได้ว่าเข้มงวดมากๆ
Pan Yan Hong อาจารย์ด้านชีววิทยา ชี้ให้เห็นว่ามาตรการด้านความปลอดภัยต่อสาธารณสุขนั้นถูกเลื่อนขั้นมาเป็นอันดับแรก
ตัวอย่างเคสของหญิงชาวจีนรายหนึ่งถูกกักตัวภายในศูนย์ควบคุมโรคระบาด 2 วัน ภายในนั้นพวกเขามีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยต้องสงสัยในทุกกรณี อย่างเช่นเจ้าหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำให้ผู้ป่วยต้องสงสัยภายในกล่องซีลอย่างดี
– มีประตูสองชั้นและเว้นระยะห่างให้เจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนชุดป้องกันก่อนเข้าไปในส่วนกักกัน และประตูกั้นนี้จะไม่มีทางเปิดพร้อมกันเด็ดขาด
– มีการทำลายชุดป้องกันเชื้อลงในถังขยะติดเชื้อแยก โดยคัดใส่ถุงพลาสติกซีลอย่างดีก่อนทิ้ง
– เส้นทางการเข้าอาคาร แยกลิฟท์ไว้ 3 ตัว สำหรับเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยทั่วไป และผู้ป่วยกักตัว ซึ่งจะไม่มีทางสัมผัสกันโดยเด็ดขาด
ด้วยความสำเร็จของมาตรการเช่นนี้ เป็นเพราะรัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณ
หญิงชาวจีนรายนี้จะต้องเข้ากักตัวและเฝ้าดูอาการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ นั่นเป็นเพราะรัฐบาลสิงคโปร์เป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด จึงสามารถสรุปได้ว่าที่สิงคโปร์ควบคุมโรคไว้ได้เป็นเพราะพวกเขากล้าทุ่มงบประมาณตรงนี้
Pan ยังคงระบุต่อไปว่าท่าทีเช่นนี้จะทำให้พลเมืองมั่นใจได้ว่าจะไม่ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากในระหว่างเข้ารับการรักษา เพราะเมื่อป่วยขึ้นมาค่าใช้จ่ายในการรักษาอาจมีราคาสูงกับโรคที่ไม่เคยพบมาก่อน
มาตรการที่เข้มงวด
ในช่วงดังกล่าวมีตัวอย่างของมาตรการซึ่งถูกนำมาใช้เป็นข้อบังคับภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หากใครไม่ยอมปฏิบัติตามข้อบังคับของรัฐจะมีโทษทันที
เช่นชายวัย 45 ปี ถูกเพิกถอนสถานะพลเมืองสิงคโปร์และถูกสั่งห้ามเข้าประเทศ หลังจากที่ไม่ยอมปฏิบัติตามข้อบังคับกักตัวเองหลังจากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง
นอกจากนั้นแล้วอาจารย์ยังเอ่ยถึง 2 ชาวจีนที่ถูกตั้งข้อหาจากการปกปิดความเคลื่อนไหว และสถานที่พำนักในสิงคโปร์ หลังจากที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ Pan เน้นย้ำไปที่ “หน่วยเฉพาะกิจ 140 นาย” ที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการติดตามผู้ต้องสงสัยติดเชื้อตั้งแต่มีเคสแรกเกิดขึ้นในสิงคโปร์
ซึ่งนำไปสู่การกักตัวของผู้ป่วยต้องสงสัยมากถึง 2,500 ราย โดยหลังจากที่บังคับใช้อย่างเข้มงวดผลลัพธ์ก็จะออกมาในทันที
Luo Jun Xuan หนึ่งในรองเลขาธิการสมาคมแพทย์ไต้หวัน ก็ได้ชี้ไปถึงประเด็นที่ว่ารัฐบาลยอมไม่รับเงินเดือน 1 เดือน เพื่อนำไปแจกจ่ายเป็นเงินพิเศษให้กับบุคลกรทางการแพทย์แนวหน้าที่ต่อสู้กับไวรัสแทน โดยมองว่าเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้กับบุคลากรเป็นอย่างมาก
สิงคโปร์ได้รับการชื่นชมจากการมอบเงินเดือนสูงให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ
Yuan Zong Nan อาจารย์ Chung Yuan Christian University ได้พูดถึงเงินเดือนที่นักการเมืองและข้าราชการสิงคโปร์ได้รับนั้น ที่ถือว่าเป็นชนชั้นนำในชนชั้นนำอีกที
ด้วยความที่สิงคโปร์เป็นสังคมแบบประชาธิปไตยเสรีนิยม เงินเดือนที่สูงเช่นนี้จึงช่วยทำให้อัตราการเกิดคอร์รัปชั่นต่ำ และการได้รับเงินเดือนสูงก็สามารถประกาศไม่รับเงินเดือนได้ด้วยตัวรัฐบาลเอง ซึ่งมองว่าเป็นการช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐในระดับล่าง ให้ทำงานอย่างเต็มที่ในยามวิกฤตเช่นนี้
นอกจากนั้นเขาได้ยกตัวอย่างกฎหมายของสิงคโปร์ที่จะปรับบุคคลที่คายหมากฝรั่งลงพื้นประมาณ 27,000 บาท และจะเพิ่มเป็นสองเท่าหากพบว่าชิ้นส่วนหมากฝรั่งแยกออกจากกัน
กฎหมายที่เข้มงวดนี้จึงกลายเป็นแนวทางของสิงคโปร์ในการรับมือการระบาดของไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมถึงประสบความสำเร็จมากๆ
https://www.youtube.com/watch?v=mAnqfc3v9wQ
ที่มา: 新聞龍捲風
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น