CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

สื่อต่างประเทศคาด พลังเสียงของ Taylor Swift สามารถโค่น Donald Trump ลงจากเก้าอี้ได้

เมื่อไม่นานมานี้นักร้องสาว Taylor Swift ได้ทวิตฟาดประธานาธิบดีอย่าง Donald Trump เกี่ยวกับกรณีที่ทรัมป์ออกมาทวิตว่าจะใช้ความรุนแรงจัดการกับเหล่าผู้ชุมนุมหากเกิดเหตุการณ์บานปลายขึ้น

อ่านข่าว: Taylor Swift ทวิตฟาด Donald Trump พร้อมตบท้าย “เราขอโหวตคุณลงจากตำแหน่ง”

 

 

หากใครได้อ่านข่าวที่ #เหมียวนานะ เคยนำเสนอไปก็จะเห็นทวิตปิดท้ายของเทย์ที่กล่าวว่า “เราจะขอโหวตคุณออกเดือนพฤศจิกายนนี้” ใช่ไหมล่ะคะ

ซึ่งเนี่ยแหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทรัมป์ไม่สามารถนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยต่อไปได้…

 

 

เมื่อไม่นานมานี้ทางนิตยสาร Forbes ได้ออกมาคาดการณ์ว่า พลังเสียงของเทย์สามารถโค่นทรัมป์ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เพราะฐานแฟนคลับของเธอค่ะ

ภายในบทความกล่าวไว้ว่า เทย์ของพวกเรามีผู้ติดตามบททวิตเตอร์มากกว่า 86 ล้านคน ไม่เพียงเท่านั้นผู้ติดตามเหล่านี้ยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดตรงกันข้ามกับทรัมป์อีกด้วย

 

 

แค่เพียงเทย์ทวิตออกไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ ในตอนนี้มีผู้รีทวิตไปมากกว่า 536,000 ครั้งและกดชื่นชอบมากถึง 2.2 ล้านครั้งเลยทีเดียว โดยภายใต้ทวิตนี้ได้มีผู้คนมาแสดงความคิดเห็นไปในทางเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก

ซึ่งทาง Forbes ได้ยกกรณีตัวอย่างที่เทย์เคยเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์มาแล้วค่ะ อย่างในปี 2016 ที่เทย์ไม่ได้ออกมากล่าวอะไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งไป

 

 

หลังจากนั้นเทย์ก็เริ่มออกมาแสดงจุดยืนทางด้านการเมืองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่างการแสดงจุดยืนเรื่อง LGBTQ ที่เรียกได้ว่าเธอประสบความสำเร็จในเรื่องนี้มาก

เนื่องจากเรื่องของ LGBTQ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและไม่ค่อยมีใครออกมาแสดงจุดยืนเรื่องนี้ แต่เทย์สามารถเป็นกระบอกเสียงให้พวกเขาได้ ทั้งผ่านทางสุนทรพจน์ โพสต์ต่างๆ และบทเพลง จนทำให้เรื่องนี้บูมขึ้นมา

นอกจากนี้ในปี 2018 เธอเคยออกมาโพสต์สนับสนุนให้ผู้คนเลือก Phil Bredesen มาเป็นผู้ว่าการรัฐและเขาก็ชนะคะแนนโหวตจริงๆ ค่ะ

 

 

โดยในสารคดี Miss Americana ใน Netflix ของเทย์ เธอก็ได้กล่าวเอาไว้ว่าตนเองรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ออกมาเป็นกระบอกเสียงในปี 2016

 

 

อีกหนึ่งกรณีหนึ่งก็คือตอนที่เทย์มีเรื่องกับทาง Apple Music ค่ะ ในตอนนั้นเทย์ถอดอัลบั้ม 1989 ออกจาก Apple Music เพราะทางนั้นไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่นักดนตรีที่เอาผลงานเพลงมาลง

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Apple Music ถูกโจมตีอย่างหนักจนทีมงานต้องยอมจ่ายค่าเพลงให้แก่นักร้องทุกคน เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทางบริษัทเลย

 

 

ด้วยความที่ฐานแฟนคลับของเทย์มีจำนวนมากและตัวของทรัมป์ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้หญิงผิวขาวมากนัก บวกเข้ากับเทย์ที่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแบบนี้อีก

ทำให้ทางสื่อต่างประเทศเริ่มวิเคราะห์ออกมาว่าเสียงของเทย์มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ครั้งนี้ได้จริงๆ เลยล่ะค่ะ…

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ

ที่มา: forbes

Comments

ใส่ความเห็น