เมื่อไม่นานมานี้นักร้องสาว Taylor Swift ได้ทวิตฟาดประธานาธิบดีอย่าง Donald Trump เกี่ยวกับกรณีที่ทรัมป์ออกมาทวิตว่าจะใช้ความรุนแรงจัดการกับเหล่าผู้ชุมนุมหากเกิดเหตุการณ์บานปลายขึ้น
อ่านข่าว: Taylor Swift ทวิตฟาด Donald Trump พร้อมตบท้าย “เราขอโหวตคุณลงจากตำแหน่ง”
After stoking the fires of white supremacy and racism your entire presidency, you have the nerve to feign moral superiority before threatening violence? ‘When the looting starts the shooting starts’??? We will vote you out in November. @realdonaldtrump
— Taylor Swift (@taylorswift13) May 29, 2020
หากใครได้อ่านข่าวที่ #เหมียวนานะ เคยนำเสนอไปก็จะเห็นทวิตปิดท้ายของเทย์ที่กล่าวว่า “เราจะขอโหวตคุณออกเดือนพฤศจิกายนนี้” ใช่ไหมล่ะคะ
ซึ่งเนี่ยแหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทรัมป์ไม่สามารถนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยต่อไปได้…
เมื่อไม่นานมานี้ทางนิตยสาร Forbes ได้ออกมาคาดการณ์ว่า พลังเสียงของเทย์สามารถโค่นทรัมป์ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เพราะฐานแฟนคลับของเธอค่ะ
ภายในบทความกล่าวไว้ว่า เทย์ของพวกเรามีผู้ติดตามบททวิตเตอร์มากกว่า 86 ล้านคน ไม่เพียงเท่านั้นผู้ติดตามเหล่านี้ยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดตรงกันข้ามกับทรัมป์อีกด้วย
แค่เพียงเทย์ทวิตออกไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ ในตอนนี้มีผู้รีทวิตไปมากกว่า 536,000 ครั้งและกดชื่นชอบมากถึง 2.2 ล้านครั้งเลยทีเดียว โดยภายใต้ทวิตนี้ได้มีผู้คนมาแสดงความคิดเห็นไปในทางเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก
ซึ่งทาง Forbes ได้ยกกรณีตัวอย่างที่เทย์เคยเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์มาแล้วค่ะ อย่างในปี 2016 ที่เทย์ไม่ได้ออกมากล่าวอะไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งไป
หลังจากนั้นเทย์ก็เริ่มออกมาแสดงจุดยืนทางด้านการเมืองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่างการแสดงจุดยืนเรื่อง LGBTQ ที่เรียกได้ว่าเธอประสบความสำเร็จในเรื่องนี้มาก
เนื่องจากเรื่องของ LGBTQ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและไม่ค่อยมีใครออกมาแสดงจุดยืนเรื่องนี้ แต่เทย์สามารถเป็นกระบอกเสียงให้พวกเขาได้ ทั้งผ่านทางสุนทรพจน์ โพสต์ต่างๆ และบทเพลง จนทำให้เรื่องนี้บูมขึ้นมา
นอกจากนี้ในปี 2018 เธอเคยออกมาโพสต์สนับสนุนให้ผู้คนเลือก Phil Bredesen มาเป็นผู้ว่าการรัฐและเขาก็ชนะคะแนนโหวตจริงๆ ค่ะ
โดยในสารคดี Miss Americana ใน Netflix ของเทย์ เธอก็ได้กล่าวเอาไว้ว่าตนเองรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ออกมาเป็นกระบอกเสียงในปี 2016
อีกหนึ่งกรณีหนึ่งก็คือตอนที่เทย์มีเรื่องกับทาง Apple Music ค่ะ ในตอนนั้นเทย์ถอดอัลบั้ม 1989 ออกจาก Apple Music เพราะทางนั้นไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่นักดนตรีที่เอาผลงานเพลงมาลง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Apple Music ถูกโจมตีอย่างหนักจนทีมงานต้องยอมจ่ายค่าเพลงให้แก่นักร้องทุกคน เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทางบริษัทเลย
ด้วยความที่ฐานแฟนคลับของเทย์มีจำนวนมากและตัวของทรัมป์ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้หญิงผิวขาวมากนัก บวกเข้ากับเทย์ที่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแบบนี้อีก
ทำให้ทางสื่อต่างประเทศเริ่มวิเคราะห์ออกมาว่าเสียงของเทย์มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ครั้งนี้ได้จริงๆ เลยล่ะค่ะ…
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: forbes
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น