CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

พบหลุมฝังศพของลัทธิบูชา “โรมุลุส” ชายผู้ก่อตั้งกรุงโรม ใต้ศาลโรมันโบราณในอิตาลี

ลึกลงไปใต้ ศาลกลางเมืองโรมันโบราณในประเทศอิตาลี ทีมนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการค้นพบหลุมฝังศพโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งบรรจุโลงศพหินอายุกว่า 2,600 ปีเอาไว้

 

 

เมื่อทำการตรวจสอบสิ่งที่พวกเขาพบเพิ่มเติม นักโบราณคดีก็ต้องตกใจเป็นถึงที่สุด เพราะสุสานที่พวกเขาพบนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นของลัทธิบูชา “โรมุลุส” ชายผู้ก่อตั้งและเป็นราชาองค์แรกของกรุงโรมเลยนั่นเอง

อ้างอิงจากรายงานการค้นพบ หลุมฝังศพโบราณแห่งนี้ ถูกพบในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของศาลกลางเมือง โดยมันถูกฝังอยู่ใต้สิ่งก่อสร้างชื่อ “Curia Julia” หรือบ้านของวุฒิสภาอีกที

 

 

ภายในของหลุมฝังศพแห่งนี้ นอกจากตัวโลงศพหินเองแล้ว นักโบราณคดียังมีโอกาสได้พบกับ วัตถุรูปร่างแบบวงกลมที่ทำจากหินอีกอันหนึ่ง ซึ่งในอดีตน่าจะเคยถูกใช้งานเป็นแท่นบูชาด้วย

นับว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก ที่โลงศพหินที่นักโบราณคดีพบนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นโลงหินเปล่าๆ ที่ไม่มีร่างของใครอยู่เลย

 

 

อย่างไรก็ตามจากการที่โลงศพดังกล่าวถูกวางไว้ใกล้แท่นบูชา แถมยังตั้งอยู่ใกล้ “Lapis Niger” (ภาษาละตินแปลว่า “หินสีดำ”) สถานที่ซึ่งโรมุลุสถูกสังหารตามตำนาน นักโบราณคดีก็คาดว่าในอดีต คนโรมันอาจจะเคยเชื่อว่าที่นี่มีศพของเขาอยู่

แต่ทั้งนี้เอง เรื่องราวของโรมุลุสนั้น แม้จะถูกจารึกในกรีกอยู่หลายครั้ง แต่มันกลับไม่ปรากฏบุคคลหรือปราชญ์คนสำคัญพอที่นักโบราณคดีจะอ้างอิงเรื่องราวสมัยมีชีวิตอยู่ของโรมุลุสได้เท่าไหร่นัก ทำให้ที่ผ่านๆ มานักโบราณคดีบางส่วนมองเรื่องเล่าของคนคนนี้เป็นเพียงตำนานเท่านั้น

 

เหรียญที่มีภาพของโรมุลุสและแรมุสฝาแฝดของเขาสลักเอาไว้

 

“ที่นี่มันไม่ได้เป็นหลุมฝังศพของโรมุลัส แต่เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่มีการเฉลิมฉลองลัทธิของโรมูลัส… ” คุณ Alfonsina Russo ผู้อำนวยการอุทยานโบราณคดีโคลอสเซียมซึ่งบริหารจัดการ ศาลกลางเมืองโรมันแห่งนี้กล่าว “ว่าง่ายๆว่ามันเป็นอนุสาวรีย์”

ถึงอย่างนั้นก็ตาม คุณก็ค่อนข้างเชื่อมั่นเลยว่าอย่างน้อยๆ โรมุลัสก็น่าจะเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงอยู่ดี นั่นเพราะ “ตำนานและความเชื่อแทบทั้งหมดล้วนแต่มีเสี้ยวหนึ่งของความจริงอยู่ และนั่นก็ทำให้ผมเชื่อว่ามีฮีโร่ผู้ก่อตั้งเมืองแห่งนี้หลับใหลอยู่ที่ไหนสักแห่งจริงๆ”

 

 

ที่มา theguardian และ livescience


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น