เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยมีคำถามที่สงสัย และก็ยังไม่รู้คำตอบซักที จนบางครั้งถึงกับลืมไปเลยว่าเราสงสัยเรื่องอะไร
และหนึ่งในคำถามเหล่านั้นเรื่องของ ‘การกินสับปะรดแล้วรู้สึกชาลิ้น’ ก็คงเป็นประเด็นแรกๆ ที่หลายคนอยากจะรู้!!
ในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะพาเพื่อนๆ ไปเฉลยพร้อมๆ กันว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…
ปรากฏการณ์ที่ว่านี้มันเกิดมาจาก ‘เอนไซม์’ ที่อยู่ในผลไม้ที่ชื่อว่า Bromelain เป็นเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ในการทำลาย ‘โปรตีน’
นั่นหมายความว่า สับปะรดที่เรากินเข้าไปนั้น มันเข้าไปกัดอวัยวะภายในปากของเรานั่นเอง!!
และเมื่อคุณเคี้ยว หรือกลืนสับปะรดเข้าไป น้ำลายหรือกรดในกระเพาะอาหารของคุณก็จะไปดักจับมัน แม้ว่าจะถูกทำลายแต่ลิ้นของคุณก็จะสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้เหมือนกับเป็นของใหม่
ซึ่งโดยปกติแล้ว เราจะใช้ประโยชน์จากเจ้าเอนไซม์ตัวนี้ในการทำให้ ‘เนื้อ’ มีความนุ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
มาถึงจุดนี้หลายคนอาจจะคิดว่าเอ๊ะ ข้อมูลนี้มันมั่วรึเปล่า? แล้วทำไมเวลาเรากินสับปะรดที่อยู่บนหน้าพิซซ่าฮาวายเอี้ยน ถึงไม่เห็นเป็นอะไรเลยล่ะ?
จริงๆ แล้วมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ เพราะโดยปกติแล้วเจ้าเอนไซม์ Bromelain นี้ จะถูกทำลายหายไปที่อุณหภูมิสูงกว่า 48 องศาเซลเซียส
ฉะนั้นหากคุณอยากกินสับปะรด แต่ไม่อยากเจอกับความรู้สึกที่แบบว่าชาลิ้นแล้วล่ะก็ แนะนำให้เอาไปทำให้มันสุกด้วยความร้อนก่อนนั่นเอง
แต่ถ้ายังอยากกินแบบสดๆ แล้วก็ไม่อยากชาลิ้นแล้วล่ะก็….มันมีวิธีอยู่ครับ
นั่นก็คือ คุณจะต้องกินเนื้อส่วนที่อยู่ห่างจาก ‘แกนสับปะรด’ ให้มากที่สุด เพราะส่วนแกนของสับปะรดนั้นจะมีเอนไซม์ Bromelain อยู่มากที่สุดนั่นเอง
และถ้าหากว่าคุณมีอาการชาลิ้นจากการกินสับปะรด แล้วอยากหายจากอาการนั้นเร็วๆ มันก็มีวิธีแก้อยู่เช่นกัน
นั่นก็คือให้คุณกินโยเกิร์ตเข้าไป เพราะเจ้าเอนไซม์ Bromelain จะเปลี่ยนเป้าหมายเข้าไปทำลายโปรตีนจากโยเกิร์ตแทนที่จะเป็นลิ้นหรือในปากของคุณนั่นเอง
หวังว่าทุคนจะมีความสุขกับการกินสับปะรดมากยิ่งขึ้นนะครับ
ที่มา : spoonuniversity, delish
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น