CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

สินค้าหรูๆ แท้หรือปลอมดูอย่างไร? เผยข้อสงสัยด้วย 10 วิธีจับผิด เช็กให้ชัวร์ๆ ไปเลย

สินค้าแบรนด์เนมเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี แต่ราคาก็สูงเอาเรื่องเช่นกัน ถือเป็นสินค้าที่บ่งบอกทั้งฐานะทั้งการเงิน ทางสังคม และความมีสไตล์ของเจ้าของ

อย่างไรก็ตาม การที่ผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมนั้นมีราคาแพง พร้อมดีไซน์สวยงาม ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีของปลอม ของก๊อบหลายเกรดออกมาให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้สอยในราคาที่ถูกลง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า หรือรองเท้า

ถึงอย่างนั้นสินค้าของปลอมก็เป็นสินค้าที่ไร้คุณภาพ ไร้รสนิยม อีกทั้งยังถือว่าเป็นการสนับสนุนสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมายอีกด้วย

เพราะฉะนั้นก่อนเลือกซื้อสินค้าควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าสินค้านั้นเป็นของจริงหรือไม่ มีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน? โดยสามารถสังเกตได้จาก 10 วิธีในการดูสินค้าตามข้างล่างได้เลยนะคะ

 

 

1. การตัดเย็บ

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้นั้นการตัดเย็บจะดูเรียบร้อย เก็บงานได้เนี้ยบ และละเอียดมากกว่างานของปลอมแน่นอน ส่วนใหญ่ของปลอมจะมีเส้นการเย็บที่ไม่ละเอียด ลายเส้นไม่ตรง มีด้ายหลุดออกมา หรือลวดลายไม่สวยงามตามคุณภาพ

 

2. ซิป

สามารถสังเกตที่ซิปของกระเป๋าหรือเสื้อผ้าก็ได้เช่นกัน เนื่องจากของปลอมนั้นจะมีความแวววาวกว่า น้ำหนักเบากว่า และไม่คงทน เสี่ยงต่อการแตกหัก ในขณะที่ของแท้นั้นจะไม่เกิดความแวววาว รู้สึกถนัดมือ มีน้ำหนัก และสะดวกต่อการใช้งาน

 

3. โลโก้

การสังเกตดีไซน์ของโลโก้ถือเป็นวิธีที่ง่ายเช่นกัน ของแท้นั้นจะดูสมบูรณ์แบบ ไม่มีรายละเอียดใดๆ หายไป ของปลอมอาจไม่มีโลโก้ หรือรูปแบบของโลโก้ดูแปลกตา สีไม่สวย รายละเอียดไม่ครบ ตัวอักษรใหญ่หรือเล็กกว่าของจริง เป็นต้น

 

4. กระดุม

ส่วนใหญ่สินค้าของจริงที่กระดุมมักจะมีชื่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ติดไว้ และใช้วัสดุคุณภาพดี เย็บอย่างติดทนทานและประณีต ในขณะที่ของปลอมจะใช้พลาสติกราคาถูก และไม่มีชื่อแบรนด์กำกับ

 

5. หนังสัตว์

อีกหนึ่งวิธีที่ไม่ยากคือการสังเกตดูว่าสินค้าทำจากหนังแท้หรือไม่ ลองสัมผัสวัสดุให้ทั่ว หากพื้นผิวเรียบอย่างสม่ำเสมอแสดง และมีความมันวาวก็อาจเป็นของปลอม เนื่องจากหนังแท้จะมีพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอเล็กน้อย กลิ่นของหนังแท้ก็จะโดดเด่นออกมาเช่นกัน

 

 

6. การสะกดคำ

ของปลอมมักจะมีการสะกดคำผิดบ่อยๆ เพราะฉะนั้นเมื่อเช็กโลโก้หรือป้ายกำกับของสินค้า จำเป็นต้องเช็กอยู่เสมอว่าการสะกดชื่อแบรนด์นั้นถูกต้อง ไม่มีคำแปลกๆ ตัวสะกดแปลกๆ หรือฟอนต์ตัวหนังสือแปลกๆ โดดเด่นออกมา

 

7. ผ้า

ทั้งนี้ หากวัสดุสินค้าทำจากผ้า ก็สามารถประเมินได้จากน้ำหนัก และคุณภาพของผ้า เพราะผ้าที่มีคุณภาพไม่ควรมีรอยฉีกขาด ซีดจาง หรือสีตก และส่วนใหญ่แบรนด์ดังๆ มักจะมีชื่อแบรนด์ติดอยู่ที่วัสดุสินค้าด้วยเช่นกัน จำเป็นต้องเช็กในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ดี

 

8. แพ็คเกจ

แพ็คเกจคือสิ่งที่ป้องกันสินค้าด้านในเพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นแพ็คเกจก็ต้องใช้วัสดุที่ทนทาน มีคุณภาพสูง มีขนาดรับกับสินค้าได้พอดี และของปลอมส่วนใหญ่มักจะไม่มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างถุงผ้าที่ประดับโลโก้หรือชื่อของแบรนด์ หรือทิชชูที่มีตราสินค้าในแพ็คเกจ เป็นต้น

 

9. ราคา

หากราคาของสินค้านั้นถูกจนผิดปกติก็มีโอกาสสูงที่สินค้าจะเป็นของปลอม โดยจำเป็นต้องเช็กราคาของแท้กับทางแบรนด์ให้ดีว่ามีลดราคา หรือโปรโมชันจนทำให้ราคาถูกลงได้หรือไม่ และหากป้ายราคาไม่มีโลโก้แบรนด์พิมพ์ติดอยู่ และมีขนาดแปลกตาไปก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นของปลอมเช่นกัน

 

10. อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม

ควรตรวจสอบให้แน่ใจอยู่เสมอว่าสินค้านั้นมีอุปกรณ์เสริมมาให้ เพราะไม่ว่าสินค้าจะเป็นอะไรก็ตาม มักจะมีข้อมูลการรับประกันหลังการขาย การดูแลรักษา หรือการใช้งานมาให้ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวก็มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นของปลอม

 

♦ ตัวอย่างการดูกระเป๋าของแท้ VS ของปลอม

 

กระเป๋า Chanel ของแท้ (ซ้าย) VS กระเป๋า Chanel ของปลอม (ขวา)

 

สังเกตได้จากสายโซ่ และลวดลายของลายเส้น ของจริงนั้นสายโซ่จะมีความแข็งแรงทนทานกว่า ลวดลายเรียงเป็นระเบียบ และมีช่องไฟมากกว่า

ในขณะที่ของปลอมสายโซ่ดูบอบบาง มีขนาดเล็ก ส่วนเส้นลายกระเป๋านั้นมีความถี่เกินกว่าที่ควรจะเป็น

 

ป้ายกำกับของแท้ (บน) VS ป้ายกำกับของปลอม (ล่าง)

 

และจำไว้อยู่เสมอว่าแม้ว่าจะมีบัตรของแท้กำกับมาให้ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นของจริง จากรูปจะเห็นได้ว่าบัตรของแท้จะมีขอบเส้นสีทอง ตัวอักษรที่บอกหมายเลขของปลอมก็มีขนาดใหญ่กว่า และไม่ประณีตเหมือนของแท้

 

โลโก้ของแท้(ซ้าย) VS โลโก้ของปลอม (ขวา)

 

เห็นได้ชัดว่าโลโก้ของแท้นั้นเป็นสีทอง ถูกตัดเย็บอย่างดี และที่สำคัญคือมีขนาดเรียบตรง ในขณะที่ของปลอมนั้นฟอนต์ไม่ประณีต ถูกติดแบบเบี้ยวๆ ไม่ตรงเหมือนของแท้

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวเมษา

ที่มา: freelogoservices, lifehack & racked

Comments

ใส่ความเห็น