CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กอายุกว่า 2,000 ปี ที่อาจเคยเป็นดั่งชิวาว่าแห่งยุคโรมันโบราณ

ในปัจจุบันสุนัขตัวเล็กๆ ถือว่ากำลังเป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความตัวน้อยน่ารักน่าชังของพวกมัน ทำให้สุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิสุ หรือชิวาว่า กลายเป็นดั่งดาราผู้มีชื่อเสียงไปได้ไม่ยากเลย

ว่าแต่เพื่อนๆ เชื่อหรือไม่ว่าความชอบสุนัขพันธุ์เล็กนั้น แท้จริงแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับผู้คนมานานกว่าที่เราคิดมากก็เป็นได้ เพราะดูเหมือนว่าแม้แต่เมื่อหลายพันกว่าปีก่อน ชาวโรมันโบราณเองก็จะมีการเลี้ยงสุนัขขนาดเล็กกับเขาเช่นกัน

 

 

นั่นเพราะภายในรายงานการศึกษาชิ้นใหม่ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Archaeological and Anthropological Sciences ฉบับเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 นักโบราณคดีได้ทำการค้นพบซากโครงกระดูกของสุนักที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ภายในแห่ลงโบราณคดีที่ Córdoba ของประเทศสเปน และพบว่าพวกมันมีขนาดตัวเล็กอย่างไม่น่าเชื่อเลย

อ้างอิงจากข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยออกมา สุนัขที่ถูกพบในครั้งนี้ เป็นสุนัขที่มีความใกล้เคียงทางสายพันธุ์กับสุนัขขนาดเล็กในปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยมันมีความสูงเพียง 22 เซนติเมตรเท่านั้น ทั้งๆ ที่โตเต็มวัยแล้ว และมีลักษณะเด่นๆ นอกจากความสูง อยู่ที่จมูกที่แบน ขาที่สั้นอีกที และท้องอยู่ในตอนที่ตายอีกที

แน่นอนว่าด้วยความที่ว่าสุนัขที่พบเหลืออยู่เพียงกระดูกแล้วข้อมูลลักษณะตอนมีชีวิตอยู่ส่วนใหญ่ของมันจึงเริ่มหายไปตามกาลเวลาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะของกระดูกที่มีนักวิทยาศาสตร์ก็คาดว่าสุนัขตัวนี้ น่าจะมีสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับสุนัขปักกิ่ง หรือชิวาว่าในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าหาได้ค่อนข้างยากในพื้นที่โรมันเลย

 

สุนัขที่พบถูกระบุว่ามีความใกล้เคียงกับสุนัขปักกิ่งหรือชิวาว่าในปัจจุบัน

 

แต่แม้เจ้าสุนัขตัวนี้ในอดีตอาจจะเป็นสุนัขแสนน่ารักก็ตาม มันกลับไม่ได้มีจุดจบของชีวิตที่ดีเท่าไหร่นัก นั่นเพราะที่คอของมันมีร่องรอยการบิดหักที่เห็นได้ชัดมาก ซึ่งทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่าสุนัขตัวนี้ในอดีตน่าจะเคยถูกใช้เป็นเครื่องบูชายัญในพิธีกรรมทางความเชื่อมาก่อน

สุนัขในโรมันนั้นแม้ว่าจะมีหน้าที่หลักๆ ในการออกล่าหรือปกป้องเจ้าของ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะสามารถพบการบูชายัญสัตว์ในพื้นที่เหล่านี้เช่นกัน

 

 

โดยในกรณีของสุนัขตัวนี้มันถูกสังหารและฝังไว้ใกล้ๆ สุสานของมนุษย์ในแหล่งโบราณคดี Llanos del Pretorio อีกที ซึ่งอาจจะเพื่อบูชาต่อเทพตามความเชื่อเรื่องการต่อเวลาชีวิต หรือไม่ก็ฝังไว้พร้อมๆ เจ้าของที่จากไปก็ได้

และทั้งนี้เอง เนื่องจากการตรวจสอบฟันของมันทำให้เราทราบว่าก่อนตายสุนัขตัวดังกล่าวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเอามากๆ ทีมนักโบราณคดีจึงเชื่อว่าในช่วงชีวิตหนึ่งสุนัขตัวนี้น่าจะเคยเป็นสัตว์เลี้ยง “หายาก” ที่ชนชั้นสูงโรมันเคยนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมาก่อน ก่อนที่มันจะถูกนำมาบูชายัญในที่สุด

 

ที่มา allthatsinteresting, dailymail

Comments

ใส่ความเห็น