การตรวจสอบ DNA ของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว อย่างไดโนเสาร์ สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว ถือว่าเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ ที่ดูจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะตามปกติแล้ว DNA เหล่านี้ จะถือว่าเป็นอะไรที่มีความบอบบางมาก และไม่น่าจะสามารถคงอยู่ได้นาน 700,000 ปีมากนัก
ดังนั้น นี่จึงอาจจะถือว่าเป็นข่าวใหญ่ ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงวงการวิทยาศาสตร์และบรรพชีวินวิทยาไปจากที่เคยเลยก็ได้ เมื่อล่าสุดนี้เองได้มีนักวิจัยกลุ่มหนึ่งออกมาอ้างว่า
พวกเขาได้คำการค้นพบ DNA ของไดโนเสาร์พบได้ ภายในกะโหลกของฟอสซิลลูกไดโนเสาร์ปากเป็ด ที่มีอายุมากถึง 75 ล้านปีแล้ว
งานวิจัยชิ้นใหม่นี้ ถูกตีพิมพ์ในวารสาร National Science Review และมีรายละเอียดคร่าวๆ ว่า นักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการค้นพบร่องรอยอันเป็นเอกลักษณ์ของ เซลล์กระดูกอ่อน โครโมโซม และ DNA ในไดโนเสาร์สายพันธุ์ Hypacrosaurus ซึ่งในเซลล์กระดูกอ่อนเหล่านั้น บางส่วนก็การเชื่อมกับอะไรบางอย่างที่คล้ายกับนิวเคลียสด้วย
“ฉันไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย หัวใจของฉันแทบจะหยุดเต้นกับสิ่งที่เราพบ” คุณ Alida Bailleul นักเขียนหลักของงานวิจัยกล่าว
โปรตีนกระดูกอ่อนที่ถูกมองด้วยกล้องจุลทรรศน์
อ้างอิงจากในงานวิจัยเอง “ร่องรอย” ที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวถึงข้างต้นนั้น ถูกค้นพบจากการที่เซลล์ของฟอสซิลมีปฏิกิริยากับสาร แอนติบอดีของคอลลาเจน II ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุไว้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อ ในตัวไดโนเสาร์ยังมีโปรตีนกระดูกอ่อน (Cartilage cells) อยู่
ซึ่งโปรตีนกตัวนี้เอง ก็เป็นร่องรอยอันดีว่า DNA ของพวกมันบางส่วนเองก็อาจจะหลงเหลืออยู่ในโปรตีนกระดูกอ่อนนี้เช่นกันเสียด้วย
แน่นอนว่างานวิจัยที่ออกมานี้ได้รับเสียงตอบรับที่แตกออกเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด โดยนักวิทยาศาสตร์ฝ่ายหนึ่งมองว่าการค้นพบในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้จริงสูงและน่าทึ่งเอามากๆ เนื่องจากมันทำให้เราทราบว่า DNA อาจจะคงอยู่ได้นานกว่าที่เราคิด
โปรตีนที่ถูกพบในฟอสซิลไดโนเสาร์ เทียบกับของนกอีมู
ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าผลการวิจัยที่ออกมานั้นน่าจะเกิดจากปัจจัยการทดลองที่ผิดพลาดเช่นกะโหลกที่พวกเขาใช้มีการปนเปื้อนเสียมากกว่า เพราะตามปกติ DNA ไม่น่าจะถูกเก็บไว้ในฟอสซิลที่มีอายุเป็นล้านปีเช่นนี้ได้เลย
และก็แน่นอนว่า ต่อให้สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พบในไดโนเสาร์ตัวนี้ จะเป็น DNA จริงๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถคืนชีพให้กับไดโนเสาร์เหมือนกับที่เราเห็นในภาพยนตร์ชื่อดังเช่นกัน
นั่นเพราะสารอินทรีย์ที่ถูกพบในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์จะสามารถสกัดออกมาจากฟอสซิลโดยสมบูรณ์ได้ และนั่นก็ทำให้การหาลำดับของ DNA เองก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น