ลึกลงไปในถ้ำใต้น้ำของชายหาด Tulum ประเทศเม็กซิโก นักดำน้ำได้ทำการค้นพบกะโหลกที่มีรูปร่างบิดเบี้ยวน่ากลัวชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีอายุเก่าแก่ได้มากกว่า 9,900 ปี
กะโหลกที่ว่านี้ เชื่อกันว่าเป็นของมนุษย์ผู้หญิงในอดีต ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในพื้นที่คาบสมุทรยูกาตัน ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในหลักฐานของผู้ตั้งถิ่นฐานในเม็กซิโก ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เราเคยพบไป
อ้างอิงจากรายงานการค้นพบ กะโหลกที่บิดเบี้ยวชิ้นนี้ ถูกค้นพบพร้อมๆ กับชิ้นส่วนร่างกายราวๆ 30% เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2016 โดยนักดำน้ำสำรวจถ้ำสองคนได้แก่คุณ Vicente Fito และ Ivan Hernández ซึ่งในเวลานั้นพวกเขามีเป้าหมายที่จะค้นหาโครงกระดูกอีกร่าง ที่ถูกขโมยไปก่อนหน้า
กะโหลกของหญิงสาวในตอนที่ถูกพบ (ลูกศรสีแดงชี้ไปยังหินงอกที่หลักในบริเวณใกล้เคียง)
เมื่อนำกะโหลกที่พบไปตรวจสอบ นักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าสิ่งที่นักดำน้ำพบ ไม่ใช่กระดูกที่หายไป กลับกันมันเป็นกะโหลกของคนอีกคน ที่มีจุดเด่นสำคัญอยู่สองจุด นั่นคือ
1. ร่องรอยการบาดเจ็บสามแห่ง ซึ่งทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเธอถูกทุบด้วยของแข็งจนกะโหลกแตก
2. ร่องรอย คล้ายหลุมบนกะโหลก ซึ่งเป็นไปได้สูงที่จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะแบคทีเรีย ในกลุ่มที่ทำให้เกิดโรคซิฟิลิส
ชิ้นส่วนกระดูกทั้งหมดที่ถูกพบ
“ดูเหมือนว่า จะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แถมยังต้องจบชีวิตลงแบบไม่มีความสุขเสียเท่าไหร่” คุณ Wolfgang Stinnesbeck จากมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กในประเทศเยอรมนี ผู้เขียนหลักของงานวิจัยกล่าว
“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดา แต่จากบาดแผลและการเสียรูปร่างจากแบคทีเรียของกะโหลกที่พบ มันก็ทำให้คิดได้ไม่ยากเลยว่าเธออาจจะถูกขับไล่และสังหารทิ้ง หรือไม่ก็ถูกทิ้งให้ตายอยู่ในถ้ำแห่งนี้”
ทั้งนี้เองนอกจากเรื่องร่องรอยความบิดเบี้ยวของกระดูกแล้ว ที่ฟันของหญิงสาวคนนี้ยังมีร่องรอยฟันผุอยู่อีกด้วย ซึ่งร่องรอยดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่ถูกพบได้ทั่วไปในกระดูกมนุษย์ที่ถูกพบในพื้นที่ Tulum และทำให้นักวิทยาศาสตร์คาดว่าคนในพื้นที่แห่งนี้ ในอดีตน่าจะมีการบริโภคของหวาน อย่างผลไม้ น้ำผึ้งอยู่บ่อยๆ
ชิ้นส่วนกระดูกทั้งหมดที่ถูกพบ เมื่อนำมาเรียงในตำแหน่งที่ควรจะเป็น
และแม้ว่าในปัจจุบันนี่จะเป็นข้อมูลทั้งหมดที่นักวิทยาศาสตร์ได้มาจากการตรวจสอบโครงกระดูกของหญิงสาวคนนี้ แต่ในอนาคตพวกเขาก็มีแผนการที่จะศึกษาเรื่องราวของกระดูกที่พบต่อไปโดยอาศัยเครื่องซีทีสแกนต่อไป
ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เราจะได้ยินข่าวดีเกี่ยวกับการตรวจสอบกระดูกหญิงสาวคนนี้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา livescience, gizmodo และ phys
Advertisement
0 Comments