ในช่วงเวลาที่เกิดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้รัฐบาลในประเทศต่างๆ ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการรับมือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นอีก
ประชาชนหลายคนต้องอาศัยอยู่แต่ที่บ้าน จากที่เคยมีงานทำ ได้รายได้ ก็อาจจะต้องเสียรายได้ไป ทำให้บางคนไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงเงินที่จะซื้ออาหารให้สัตว์เลี้ยงด้วย
จากข้อมูลขององค์กร Malaysia Animal Association (MAA) เปิดเผยว่า ในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ของมาเลเซีย ส่งผลให้มีตัวเลขของสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้งเพิ่มสูงขึ้นถึง 300% หรือพูดง่ายๆ ก็คือ 3 เท่าตัว ในเมืองกัวลาลัมเปอร์
นาย Arie Dwi Andika ผู้อำนวยการขององค์กร MAA กล่าวว่า “เราได้สำรวจและติดตามจำนวนสัตว์จรจัดภายในบริเวณต่างๆ ของเมืองหลวง พบว่าทั้งสุนัขและแมวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจ”
“ยกตัวอย่างเช่น บางจุดที่เรามักจะเข้าไปดูแลและให้อาหารหมาหรือแมวจรจัดอยู่เป็นประจำ จะมีสุนัขและแมวมารอกินอาหารอยู่เป็นประจำ 5 ตัว”
“แต่เมื่อคืนล่าสุดกลับเพิ่มขึ้นมาเป็น 18 ถึง 20 ตัวเลยทีเดียว เกือบ 4 เท่าตัว จากการสังเกตพบว่าสภาพร่างกายของพวกที่มาใหม่จะมีสุขภาพดี สะอาด เหมือนกับว่าถูกเลี้ยงมาจากในบ้านอย่างดี ไม่ใช่สัตว์จรจัดที่มาจากที่อื่น”
Arie ยังเล่าอีกว่า สุนัขเหล่านี้ไม่มีทีท่าดุอีกด้วย แถมยังเป็นมิตรเข้ากับคนได้เป็นอย่างดี เหมือนกับมันคุ้นชินกับคนมาก่อนแล้ว และเพิ่งจะถูกทิ้งมา
“ฉันคิดว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนเลือกที่จะทิ้งสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เพราะคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 หรือ อาจจะทิ้งเพราะไม่มีเงินซื้ออาหารให้พวกมัน” Arie กล่าวเสริม
นอกจากนี้ Arie ยังฝากตั้งคำถามไปยังเหล่าคนเลี้ยงสัตว์ที่เลือกที่จะทิ้งพวกมันอีกว่า “ความรักของพวกคุณที่เคยมีต่อสัตว์เลี้ยงเหล่านี้หายไปไหนหมดแล้ว? ตอนที่รับมาเลี้ยงแรกๆ คุณคิดว่ามันเป็นคนหนึ่งในครอบครัว”
“แต่พอถึงคราวลำบากกลับทิ้งพวกมันได้อย่างไม่ใยดี แล้วชะตากรรมของพวกมันมักจะถูกตัดสินโดยพวกคุณเสมอว่ามันจะต้องอยู่หรือไป”
อย่างไรก็ตามในกฎหมายของประเทศมาเลเซีย ระบุว่าคนที่รับสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงแล้วทิ้งอย่างไม่ใยดี นั้นมีความผิดทางกฎหมายอยู่แล้ว และอาจจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป…
ที่มา : bernama, worldofbuzz
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น