ในวงการแฟชั่น เพื่อจะยืนหนึ่งในแวดวงนี้ คุณจะต้องมีอะไรดีมากกว่าสไตล์และสายตาที่เฉียบขาด
ย้อนกลับไปในปี 2006 ภาพยนตร์เรื่อง The Devil Wears Prada ได้พาให้ทั้งโลกได้รู้จักกับ “Miranda Priestly” บก.หญิงสุดโหดแห่งนิตยสารรันเวย์ หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลกแฟชั่น
ภายใต้การแสดงของ Meryl Streep ผู้ซึ่งได้พาเราไปแง้มดูเบื้องหลังวงการที่ขับเคลื่อนธุรกิจความงาม สื่อโฆษณา และเสื้อผ้าเครื่องประดับ ความสมบูรณ์แบบของตัวละครได้ส่งให้คนสนใจชื่อของ “Anna Wintour” ผู้ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของตัวละครนี้ในวงกว้าง
เธอคือใคร? เธอทรงอิทธิพลมากขนาดไหน? และทำไมมีชื่อเล่นว่า Nuclear Wintour?
Anna Wintour เกิดที่กรุงลอนดอนในปี 1949 เธอเติบโตท่ามกลางครอบครัวที่มีชื่อเสียง โดยมีคุณพ่อเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ และคุณแม่ผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม ทั้งยังเป็นทายาทของLady Elizabeth Foster นักประพันธ์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 (ต่อมาคือดัชเชสแห่งเดวอนเชียร์)
Anna ขึ้นชื่อเรื่องความจี๊ดมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เธอมักประท้วงเรื่องการแต่งกายด้วยวิธีต่างๆ ตั้งแต่การสวมใส่กระโปรงสั้นไปจนถึงการตัดแต่งกระโปรงที่เธอมี และหนึ่งในวีรกรรมขึ้นชื่อ คือการตัดผมสั้นบ็อบที่ในสมัยนั้นยังเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคย
จากวันนั้นในวัย 14 ปี จนถึงวันนี้ที่เธออายุได้ 58 ปี นี่คือทรงผมเดียวที่เธอไม่เคยเปลี่ยนในเลยนับแต่นั้นมา
ตั้งแต่เด็ก Anna ได้รับอิทธิพลด้านแฟชั่นมาจากคุณพ่อ เมื่ออายุได้ 15 ปี เธอได้เข้าทำงานที่ร้านบูติก Biba ที่มีชื่อเสียง ทั้งยังได้ร่วมงานกับ Piers Paul Read แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
ในวัย 16 ปี เธอตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อในวิทยาลัย แต่หันไปสนใจวารสารศาสตร์แฟชั่นแทน เธอเข้าเรียนที่ Harrods เพื่อฝึกอบรมหลักสูตรพิเศษ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพยายามมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอต้องยอมแพ้
โชคชะตาพาเธอเข้าสู่หนทางที่ควรจะเป็น เมื่อเพื่อนคนหนึ่งของ Anna ชวนเธอไปทำงานที่นิตยสารแห่งหนึ่งในลอนดอน และนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนาน
ทุกครั้งที่ต้องเขียน Anna จะใช้วิธีการใหม่ๆ เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับบทความของตัวเอง และเมื่อถึงวันที่ไม่มีอะไรให้เธอเรียนรู้อีกต่อไป Anna จึงตัดสินใจออกจากอังกฤษเพื่อย้ายไปนิวยอร์ก
เธอได้ร่วมงานในฐานะผู้ช่วยบรรณาธิการที่ Harper’s Bazaar และภายในเวลาเพียง 9 เดือนต่อมา จากไอเดียในการถ่ายภาพเพื่อประกอบนิตยสารที่โดดเด่น ส่งผลให้ Anna ได้กลายเป็นหัวหน้าบรรณาธิการ
เธอเป็นบรรณาธิการคนแรกๆ ที่เชิญเหล่าซูเปอร์สตาร์ในแวดวงภาพยนตร์ให้มาขึ้นปกนิตยสาร และเธอค้นพบว่ามันช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี ไม่นานหลังจากนั้นเทรนด์นี้ก็ได้กลายเป็นสิ่งนิตยสารอื่นๆ ทำตามกันแทบทั้งหมด
Anna อยากทำงานที่ Vogue มาโดยตลอด จากประสบการณ์ที่เธอสั่งสม และความสามารถที่ไม่เหมือนใคร ท้ายที่สุดเธอก็สมปรารถนา
หัวหน้าไดเรคเตอร์ประทับใจในผลงานก่อนหน้านี้ของเธอเป็นอย่างมาก จึงเสนอให้เธอรับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ American Vogue ซึ่งเธอตอบรับข้อเสนอนี้ภายใต้เงื่อนไขที่พวกเขาต้องให้เงินเดือนเธอเพิ่มเป็น 2 เท่า แน่นอน ใครจะปฏิเสธคนที่มีความสามารถโดดเด่นแบบนี้
หลังทำงานไปสักพัก Anna รู้สึกว่านิตยสารนั้นเริ่มน่าเบื่อแถมยังล้าสมัย ความคิดนี้ส่งผลให้เกิดความไม่เข้าในระหว่างทีม อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเกิดความขัดแย้งที่รุนแรง เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของ British Vogue และกลับไปที่ลอนดอน
เมื่อเริ่มงานใหม่ Anna เปลี่ยนทีมพนักงานจำนวนมากในทันที และด้วยการทำงานที่ร้อนแรง รวดเร็ว ดุดัน ทำให้เธอได้รับฉายา “Nuclear Wintour” นับแต่นั้น
10 เดือนต่อมา Vogue เริ่มสูญเสียพื้นที่ทางการตลาดให้กับนิตยสาร Elle ฉบับอเมริกัน ซึ่งกำลังมาแรงในขณะนั้น
สิ่งที่ Anna ทำคือการปรับปรุงโฉมใหม่ ด้วยการจ้างนางแบบที่พึ่งเริ่มมีชื่อเสียง และผสมเสื้อผ้าราคาประหยัดกับแบรนด์แฟชั่นชั้นสูง
ดังนั้นหน้าปกฉบับแรกของ Anna Wintour จึงกลายเป็นการปฏิวัติวงการในปี 1988 โดยมีรูปถ่ายของ Michaela Bercu วัย 19 ปีในชุดกางเกงยีนส์สีซีดราคาเพียง 50 เหรียญฯ คู่กับแจ็คเก็ตประดับเพชรพลอยจาก Christian Lacroix มูลค่า 10,000 เหรียญ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางแบบปก Vogue สวมกางเกงยีนส์ จากที่เดิมทีพวกเธอมักมีธรรมเนียมที่จะสวมแต่กระโปรง
ความพิเศษของ Anna คือเธอรู้ว่าผู้อ่านต้องการอะไร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอก้าวขึ้นแท่นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกแฟชั่น ความเห็นของเธอกำหนดเทรนด์ที่จะดังไปทั่วโลก ถึงขั้นที่สื่อดังอย่าง The Guardian เรียกเธอว่า “นายกเทศมนตรีหญิง (อย่างไม่เป็นทางการ) ของมหานครนิวยอร์ก” ด้วยซ้ำ
Anna ยังมีสายตาที่เฉียบคม เธอผลักดันนักออกแบบใหม่ๆ ให้ได้ร่วมงานกับแบรนด์ดัง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้รันวงการอย่างแท้จริง
Anna ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น “หนึ่งใน 50 คนที่แต่งตัวดีที่สุดมากกว่า 50 ปี” โดย The Guardian ในเดือนมีนาคม 2013
ชื่อเสียงของเธอได้กลายมาเป็นตำนานหลังหนังสือ “The Devil Wears Prada” ได้รับการตีพิมพ์ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Lauren Weisberger อดีตผู้ช่วยของเธอซึ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่าตัวละครส่วนใหญ่ก็อ้างอิงมาจากเพื่อนๆ ที่ทำงานนั่นแหละ (ฮ่า)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในปี 2006 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก Anna เข้าร่วมงานในรอบปฐมทัศน์พร้อมสวมรองเท้า Prada นอกจากนี้เธอยังบอกด้วยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ทั้งความบันเทิง ทั้งยังสนุกสนาน มีเสน่ห์ และน่าประทับใจ
ปัจจุบันในวัย 71 ปี แม้จะเผชิญกับคำวิจารณ์มากมายทั้งด้านบวกและลบ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือเธอเป็นคนที่น่าทึ่งสุดๆ
เธอก่อตั้งมูลนิธิเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมนักออกแบบแฟชั่นรุ่นใหม่ นอกจากนั้นเธอยังสามารถหาเงินบริจาคให้กับองค์กรการกุศลด้านโรคเอดส์ได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 1990
บางครั้ง มีคนตั้งคำถามว่าทำไมเธอต้องร้ายและเย็นชาเวลาทำงาน ก็มักจะได้รับคำตอบแสนมุ่งมั่นกลับมา
“มีคนมากมายที่ทำงานร่วมกับฉันมานานกว่า 20 ปี
และคุณรู้ไหม ถ้าพวกเขาไม่มีความสุขก็คงไม่ทนอยู่ที่นี่
หากว่าคุณเจอฉันร้ายใส่ล่ะก็ หมายความว่าคุณกำลังเจอความพยายามอย่างเต็มที่ของฉันต่างหากล่ะ”
ที่มา: brightside
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น