อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าในปัจจุบันนั้น “วัคซีน” คือตัวต้านไวรัสที่ช่วยป้องกันไม่ให้เราต้องเผชิญกับโรคร้ายนานาชนิด (หนึ่งในนั้นคือวัคซีนไข้หวัดใหญ่)
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่ไม่เชื่อว่ามันจะสามารถช่วยเหลือเราได้จริง และมองว่ามันยิ่งทำให้หลายอย่างเลวร้ายกว่าเดิม ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นออกมาต่อต้านการฉีดวัคซีน
ความเชื่อนั้นได้กลายเป็นสิ่งที่คุณแม่คนหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) ในรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ปฏิบัติตาม หลังจากที่เธอเข้าไปเป็นสมาชิกในกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีนในเฟซบุ๊ก
การทำตามความเชื่อดังกล่าว ส่งผลให้คนเป็นแม่ตัดสินใจที่จะไม่ให้ลูกๆ ทั้ง 4 คนของเธอเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะเธอได้รับความเชื่อจากสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มมาว่า “ทุกอาการป่วยสามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ”
หน่วยงานรัฐกล่าวว่า กลุ่มเฟซบุ๊กนี้ได้เสนอข้อมูลความเชื่อแบบผิดๆ โดยที่ไม่มีหลักฐานใดๆ มาอ้างอิง
จนกระทั่งวันหนึ่งลูกของเธอ 2 คนเกิดป่วยขึ้นมากะทันหัน ไข้ขึ้นสูง เธอจึงพาพวกเขาไปโรงพยาบาล โดยแพทย์ก็ได้ทำการวินิจฉัยให้เรียบร้อยแล้วว่าเด็กทั้งสองคนนั้นป่วยเป็น “ไข้หวัดใหญ่”
เพราะอย่างนั้น แพทย์จึงสั่งยาต้านไวรัสให้สำหรับพวกเธอทั้งครอบครัว เพื่อรักษาและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อดังกล่าว เนื่องจากว่าลูกๆ ทั้ง 4 คนของเธอนั้นไม่เคยมีประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อน
แต่ถึงอย่างนั้น คนเป็นแม่ก็ยังคงไม่ทำตามที่หมอสั่งอยู่ดี เพราะคนในกลุ่มเฟซบุ๊กนั้นบอกกับเธอว่าไม่ควรให้ใช้ยา แต่ยืนยันว่าวิธีการทางธรรมชาติสามารถช่วยลูกๆ ของเธอได้
เธอจึงเลือกที่จะใช้การรักษาด้วย น้ำมันหอมระเหย, วิตามินซี, ลาเวนเดอร์, นม, โหระพา และ ผลเบอร์รี่ ตามคำแนะนำของคนในกลุ่ม แทนที่จะใช้ยาตามที่หมอสั่ง
จากการรายงานกล่าวว่า ไม่มีสมาชิกคนไหนในกลุ่มเฟซบุ๊กนั้นแนะนำให้คุณแม่ใช้ยารักษาเลย และผลที่ตามมาก็ไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้…
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 เด็กชายวัย 4 ขวบ ลูกคนหนึ่งของเธอนั้นได้จากโลกนี้ไปจากอาการป่วยดังกล่าว โดยทางกรมอนามัยของรัฐยืนยันแล้วว่า เด็กเสียชีวิตจากผลของไข้หวัดใหญ่จริงๆ
จากการสอบถามและจากโพสต์ที่เธอพูดในกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นไม่ได้ให้ลูกชายของเธอฉีดวัคซีนหรือกินยาตามที่หมอสั่ง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้อาการของเขาแย่ลงเรื่อยๆ มาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดคนเป็นแม่ก็ได้ลบโพสต์เหล่านั้นออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ตั้งกองทุนรับบริจาคเพื่อลูกชายของเธอในเว็บไซต์ GoFundMe
เชื่อว่านี่จะเป็นบทเรียนให้เราตัดสินใจให้ดีและถี่ถ้วนก่อนที่จะทำตามคำแนะนำของใคร…
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: NBC , ColoradoTimesRecorder , Unilad , HoneyNine
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น