ทหารผ่านศึกอเมริกัน-เชื้อสายเอเชีย โชว์แผลเป็นจากสงคราม ถาม “อย่างนี้รักชาติพอหรือยัง?”

การแบ่งแยก หรือการเลือกปฏิบัติ ยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในหลายๆ สังคม กับกรณีที่คนบางกลุ่มทำพฤติกรรมราวกับว่าตนเองอยู่เหนือกว่าคนกลุ่มอื่นๆ หรือบางทีก็มองว่าตนเองดี อีกฝ่ายแย่อะไรประมาณนั้น

และหากจะให้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ในช่วงนี้เพื่อนๆ หลายคนก็น่าจะได้ยินเกี่ยวกับกรณีที่คนเชื้อสายเอเชียในสหรัฐอเมริกา ต่างพากันลุกขึ้นสู้ ต่อต้านการถูกเหยียด หรือการถูกเลือกปฏิบัติที่มีมาอย่างยาวนาน

และหนึ่งในข่าวดังที่ถูกมองว่าเป็นตัวอย่างของการที่คนเอเชียโดนเหยียดหยามในสหรัฐอเมริกา ก็คือข่าวนี้: ป้าเอเชียวัย 76 ยืนดีๆ โดนหนุ่มฝรั่งต่อย – คว้าไม้ฟาดคืนติดคริรัวๆ จนอีกฝ่ายได้เลือด

ในเวลาต่อมา จากรายงานวันที่ 24 มีนาคม 2021 ในเมืองซินซินนาติ รัฐโอไฮโอ ได้มีการจัดประชุมประจำเมืองเพื่อพูดถึงการแบ่งแยกที่มีต่อคนเชื้อสายเอเชีย

หนึ่งในผู้ร่วมประชุมและถือว่าเป็นตัวแทนของชาวเอเชียทั้งหมดก็คือนาย Lee Wong ทหารผ่านศึกวัย 69 ปี ที่มีเชื้อสายเอเชีย ซึ่งเขาได้ทิ้งคำพูดเอาไว้ได้น่าสนใจเอามากๆ

นาย Lee กล่าวว่า…

“ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเราเอาแต่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด ไม่กล้าที่จะพูดออกมา กลัวว่าจะทำให้ตัวเองถูกคุกคามหรือถูกแบ่งแยกมากกว่าเดิม

หลายคนตั้งคำถามถึงความรักชาติของผม เพราะผมดูไม่มีความเป็นอเมริกันมากพอ พวกเขาไม่สามารถรับรู้ถึงความรักชาติได้จากรูปลักษณ์ของผม งั้นผมจะแสดงให้เห็นตรงนี้เลยว่า หน้าตาของความรักชาตินั้นมันเป็นอย่างไร”

พอพูดจบประโยค นาย Lee ก็ปลดกระดุมเสื้อแล้วลุกขึ้นยืน โชว์รอยแผลเป็นขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกที่เขาเคยได้รับมาจากสงคราม จากการเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพสหรัฐฯ

“อย่างนี้คือผมรักชาติมากพอหรือยัง?” นาย Lee กล่าว

ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องก็บอกว่า…

“สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคือ พวกเราทุกคนล้วนเท่าเทียม ไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนที่พิเศษกว่าคนอื่น แล้วอีกคนไม่ใช่ แต่ทุกคนล้วนเท่ากันและไม่ควรต้องเผชิญกับการถูกแบ่งแยก”

คลิปในตอนที่ Lee พูดและลุกขึ้นโชว์รอยแผลเป็น

สำหรับ Lee Wong เขาย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ตอนอายุ 18 (ไม่ระบุเชื้อชาติบ้านเกิด) และในเวลาต่อมาเขาก็ได้ตัดสินใจรับใช้ชาติในกองทัพสหรัฐฯ เป็นระยะเวลากว่า 20 ปี

ทั้งนี้ก็หวังว่าคำพูดของเขาจะสามารถสื่อออกไปให้ทุกคนเข้าใจได้ว่า ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอก หรือชาติกำเนิด หรือสังคมวัฒนธรรมของแต่ละคนจะแตกต่างกันเพียงใด สุดท้ายทุกคนก็ล้วนเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน

เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู

ที่มา: Cincinnati , Unilad